ห้องสีขาวคืนความสุขในแบบที่เรียบง่าย แต่เก๋ไม่ซ้ำใครด้วยวิธีง่ายๆ

ห้องสีขาวคืนความสุขในแบบที่เรียบง่าย แต่เก๋ไม่ซ้ำใครด้วยวิธีง่ายๆ

ห้องสีขาวคืนความสุขในแบบที่เรียบง่าย แต่เก๋ไม่ซ้ำใครด้วยวิธีง่ายๆ

 

หลายๆคนนั้นอาจจะชื่นชอบการชมคลังภาพบ้าน ที่ตกแต่งสวยๆซึ่งในบ้างครั้งนั้นอาจจะดูเป็นเรื่องยากที่จะทำตามเหมือนในแบบบ้าน ร้อยเปอร์เซ็น แต่ว่าเราก็สามารถใช้เลือกใช้โทนสีที่ดูเรียบง่าย แทนได้นั้นคือโทนสีขาว สีเบท โทนสีอ่อนมาใช้แทนได้ หรือจะเป็นการ เติมสีเขียวธรรมชาติให้กับห้อง การมีต้นไม้ในสเปซที่ทำงานทำให้ห้องดูสบายตาขึ้น แต่ต้นไม้ที่จะเลือกมานั้นควรเป็นต้นไม้ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน เผื่อไว้ในกรณีที่เราไม่อยู่บ้านและไม่มีใครเข้าออฟฟิศ ต้นไม้จะได้ยังอยู่กับเรา

1.จัดมุมสบายๆ ของทุกคนไหนๆ
ก็ใช้บ้านเป็นออฟฟิศแล้ว จะลากบีนแบ็กที่เคยอยู่ในห้องนอนลงมาหรือใช้โซฟาตัวนุ่มมาจัดมุมสบายๆ ใกล้ๆ กับโต๊ะทำงานก็เป็นไอเดียที่เข้าท่า เผื่อว่าเวลาคิดงานไม่ออกก็เดินมาเบรกที่มุมนี้ได้ แสงสว่างจากธรรมชาติต้องทั่วถึงโต๊ะทำงานควรอยู่ใกล้กับหน้าต่าง เพื่อให้ได้แสงจากธรรมชาติ ซึ่งอันนี้คือข้อดีข้อแรก ข้อดีอีกข้อก็คือช่วยให้มีอะไรมองเวลาอยากพักสายตาจากการจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ด้วย แต่แสงไฟก็สำคัญเหมือนกันนะ ต่อให้แสงสว่างทั่วถึงทั้งห้อง การออกแบบแสงไฟก็ยังจำเป็นสำหรับโฮมออฟฟิศ เพราะบางวันฟ้าอาจจะครึ้มและคงไม่ใช่ทุกวันที่เราจะเลิกงานก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งโคมไฟตั้งโต๊ะและไฟติดเพดานจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ในการให้แสงสว่างโดยตรงแล้วยังช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าทำงานขึ้นได้ด้วย
2.การเลือกสีของอุปกรณ์ตกแต่ง
หากห้องเป็นสีขาวโทนอุ่น โทนสีของของแต่งห้อง ที่ไปกันได้ดีเอิร์ธโทน แต่หากเป็นสีโทนเย็น สามารถเลือกสีสันสดใสอย่างเช่นชมพู เหลือง ตัดด้วยสีดำ ให้โดดเด่นได้เลย ในเรื่องของการเลือกสีนั้น Taylor แนะให้เลือกตามหลักของทฤษฎีสี เช่น เลือกสีคู่ตรงข้ามในวงล้อสี อย่าง สีฟ้า กับสีส้ม การเลือกแบบนี้ จะได้สีตัดกัน ให้เลือกสีหนึ่งเป็นพื้น อีกสีหนึ่งเป็นส่วนประกอบ แต่ถ้าหากต้องการความกลมกลืนให้มากขึ้นสักหน่อย ก็เลือกสีที่เป็นคู่เกือบตรงข้าม คือสีที่อยู่ถัดจากสีตรงข้ามไป อีกหนึ่งสี อาจเป็นด้านซ้ายหรือขวาก็ได้ การเลือกลักษณะนี้ จะลดความผิดพลาดได้มากกว่าสีคู่ตรงข้าม และอีกวิธีหนึ่ง คือการเลือกสีในกลุ่มเดียวกัน เช่น กลุ่มสีเทาทั้งหมด หรือกลุ่มสีฟ้าทั้งหมด สีแบบนี้จะให้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย กลมกลื่นมากกว่า 2 แบบแรก

3.การเลือกเฟอร์นิเจอร์
การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องสีขาวนั้น เรื่องของธีมเป็นเรื่องสำคัญ Tayler บอกว่า เฟอร์นิเจอร์ จะเป็นตัวบอกเรื่องราวของพื้นที่ทั้งหมด การเลือกดีไซน์ที่เรียบง่าย โครงสร้างแข็งแรง และวัสดุที่ให้ความรู้สึกเย็น อย่างพวกโลหะ และเลือกใช้สีตัดกัน จะทำให้ห้องดูทันสมัย แต่หากต้องการให้ดูอบอุ่น ก็ให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาผ้าลินิน ซึ่งห้องจะออกมาในแนวคันทรี่ นอกจากนี้ พรมก็ช่วยให้ห้องสีขาว ดูโดดเด่นขึ้น ซึ่งขนาดที่เหมาะสม จะสำคัญมาก หากเป็นห้องนั่งเล่น พรมควรมีขนาดใหญ่พอที่จะจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก อย่างโซฟา อาร์มแชร์ และโต๊ะกลางได้

4.ใช้หลัก 60-30-10 เพื่อสร้างความสมดุลให้กับห้อง
หลักการดังกล่าวคือ 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในห้อง ให้ใช้สีที่เป็นสีหลักอาจเป็นพื้นห้อง ผนัง เพดาน อีก 30 เปอร์เซ็นต์ ใช้สีที่เป็นสีขั้นที่สองเช่นตัวเฟอร์นิเจอร์ โซฟา ตู้ โต๊ะ และอุปกรณ์ตกแต่งอื่น ๆ และอีก 10 เปอร์เซ็นต์ อาจเป็นของเก๋ ๆหรือพวกงานศิลปะ แจกัน โคมไฟ หรือปลอกหมอนอิง ให้เลือกใช้สีที่สะดุดตา

blank
5.เพิ่มเติมความเขียว
การตกแต่งห้องด้วยการจัดวางต้นไม้สีเขียว ช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ต้นไม้หลายชนิด สามารถนำมาปลูกในที่ร่มได้ และสีเขียวของมัน ก็ตัดกันกับห้องสีขาว ทำให้ดูโดดเด่น โดยอาจจะเลือกพันธุ์ไม้แปลก ๆ หรือสมุนไพร ไว้ในครัว แต่ที่สำคัญ หากไม่มีเวลามากนัก ก็ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่ต้องการดูแลมากจนเกินไป
6.การเลือกงานศิลปะมาตกแต่งห้อง
การเลือกงานศิลปะ มาตกแต่งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่ก็มีข้อควรพิจารณาเรื่องพื้นที่ หากห้องเล็กแคบ มีของเยอะอยู่แล้ว ให้เลือกชิ้นใหญ่มาแค่ชิ้นเดียว อาจจะเป็นรูปภาพหรือชิ้นงานอื่น ๆ ก็ได้ เพื่อเป็นจุดดึงดูดสายตา ทำให้ห้องดูน่าสนใจมากขึ้น

 

เลือกซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างกับเรา Beelieve Sourcing มาร์เก็ตเพลสวัสดุก่อสร้างรายแรกของไทย เรามีทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง และ บริการต่างๆ รวมถึงรถขนส่ง หรือ ช่างผู้รับเหมา ทั่วประเทศไทย  facebook: beelievesourcing line: @beelievesourcing youtube: beelieveus beelievesourcing เราสร้างตลาดสินค้าออนไลน์และ บริการครบจบในที่เดียว

BS Shop Director
We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

บีลีฟซอร์สซิ่ง ตลาดกลางค้าวัสดุก่อสร้าง บ้าน อาคาร
Logo