3 เคล็ดลับง่ายๆในการเลือกสีน้ำอะคริลิก
ที่อยู่อาศัยของเราจะดูใหม่หรือดูเก่าขึ้นอยู่กับสีของที่เราตกแต่งด้วยเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกับการมองเห็นเป็นอย่างมาก สำหรับการการทาสีบ้านนั้น ปัจจุบันมักจะเลือกใช้สีน้ำอะคริลิกซึ้ง มีหลากหลายรูปแบบ จนทำให้หลายคนอาจจะประสบกับปัญหาการเลือกสีว่าควรใช้แบบไหนดี แล้วแต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร เป็นทางออกสำหรับคนที่กำลังจะหาสีทาบ้านดีๆ
1. เลือกคุณภาพสีน้ำอะคริลิก สีน้ำอะคริลิก โดยทั่วไปสีจะแบ่งเป็น 3 เกรดคือ เกรดพิเศษ (Premium) อายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไปเกรดมาตรฐาน (Standard) อายุการใช้งานประมาณ 5 ปี และเกรดประหยัด (Economy) อายุการใช้งาน 2 -5 ปี ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัวของแต่ละผลิตภัณฑ์ แต่ขอแนะนำว่าจะทาสีทั้งทีไม่ควรเน้นแต่สีราคาถูก เพราะทาไปไม่นานก็ต้องมาแก้ไขทาใหม่ให้วุ่นวาย จึงควรใช้สีคุณภาพเกรดพิเศษ หรือเกรดมาตรฐาน แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว
2. เลือกคุณสมบัติพิเศษ ปัจจุบันนั้นมีผลิตภัณฑ์สีที่มีคุณสมบัติใหม่ๆมากมาย หลากหลายให้เราได้เลือกใช้ให้เมหาะกับ วัตถุประสงค์ของงานที่เราต้องการใช้งานนั้น ไม่ว่าจะเป็น 2.1 สีเช็ดล้างทำความสะอาด เลือกสีที่สามารถ เช็ดล้างทำความสะอาด ได้ฟิล์มสีมีความทนทานและไม่ทิ้งรอยด่างภายหลังการทำความสะอาดรอยเปื้อนบนผนังสามารถป้องกันและยับยั้งการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย จึงเหมาะกับการทาภายในบ้านที่เน้นความสะอาดหรือบริเวณที่เปื้อนง่าย 2.2 สียืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานทาภายนอกบ้านที่ต้องโดนแสงแดดเป็นประจำ หรือใช้ทาภายในเพื่อปกปิดรอยแตกลายงาได้อย่างเรียบเนียน สีกันความร้อน ที่มีคุณสมบัติเหมือนฟิล์มกรองแสงช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็น
2.3 สีที่รวบรวมคุณสมบัติเด่น หลายอย่างมาไว้ด้วยกัน ซึ่งมักมีคำว่า“All”เหมาะกับบ้านที่เน้นการปกป้องเป็นพิเศษ หรือจะใช้งานกับปัญหาที่หลากหลาย ซึ่งราคานั้นก็มีราคาที่สูงขึ้นตามเช่นเดียวกับคุณสมบัติที่ได้มานั้นเอง
3.คำแนะนำด้านความปลอดภัย สวมอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีตามความเหมาะสม เช่น ถุงมือ และผ้าปิดจมูก ขณะใช้งานหรือผสมควรทิ้งและทำลายภาชนะที่เหลือตามบัญญัติหรือกฏระเบียบของท้องถิ่นข้อมูลความปลอดภัยฉบับเต็มสามารถเรียกดูได้จากบริษัท
