– ข้อตกลงของผู้ขาย – ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป

สัญญากำหนดกรอบความตกลง (มาร์เก็ตเพลส) ฉบับนี้ได้ทำขึ้นระหว่าง
(1) บุคคล/นิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ขาย” (ตามเอกสารที่ระบุเป็นเอกสารแนบหมายเลข 1 ดังนี้) และ
(2) บริษัท บีลีฟ ซอร์สซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย โดยมีหมายเลขจดทะเบียน 0125560004960 และที่อยู่จดทะเบียนที่ 39/5 ถนนติวานนท์ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 ประเทศไทย โดยนายพลหาญ นพทีปกังวาล และนายพีระเดช นพทีปกังวาล กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บีลีฟ” (เรียกรวมกันว่า“คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย” และเรียกแต่ละฝ่ายว่า “คู่สัญญาแต่ละฝ่าย”)
โดยที่ บีลีฟ เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
โดยที่ผู้ขายต้องการที่จะทำสัญญากับบีลีฟด้วยเจตนาอันสุจริตในการขายสินค้าของตนให้แก่ลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มที่บีลีฟ
ให้บริการทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันดังนี้:
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยึดถือข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดใดๆ ที่ได้ระบุไว้ในภาคผนวก
(ก.) : ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของข้อตกลงของผู้ขาย และภาคผนวก (ข.) : ข้อกำหนดและเงื่อนไขพิเศษ ด้วยเจตนำอันสุจริต ดังที่บุคคลทั่วๆไปจะกระทำในการดำเนินธุรกิจของตน และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายทั้งหมดที่ใช้บังคับใดๆ ซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเว้นแต่จะมีข้อกำหนดและ/หรือการเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
ได้ตกลงกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และภาคผนวก (ค.) ข้อตกลงประกอบเพิ่มเติม เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและทำความเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด
ถี่ถ้วนแล้ว และบังคับใช้ข้อตกลงฉบับนี้ในวันที่กำหนดไว้ข้างต้นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อตกลงฉบับนี้มีการทำสำเนาขึ้นโดยมีข้อความถูกต้องตรงกันทั้งสองฉบับ
โดยคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะเก็บสำเนาต้นฉบับไว้หนึ่งฉบับเป็นหลักฐาน
(“สัญลักษณ์ยูอาร์แอล”) เพื่อใช้งานบนแพลตฟอร์ม หรือร้องขอใช้งานสัญลักษณ์ยูอาร์แอลใดๆ บนแพลตฟอร์ม เว้นแต่ผู้ขายจะมีสิทธิ์ในการตีพิมพ์เนื้อหาและมีสิทธิ์และใบอนุญาตในการขายสินค้าภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป

  1. ขอบข่าย
    1.1 ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปเหล่านี้ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ข้อกำหนดฉบับนี้”) บังคับใช้กับข้อตกลงของผู้ขายระหว่าง บริษัท บีลีฟ ซอร์สซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย โดยมีหมายเลขจดทะเบียน 0125560004960 และที่อยู่จดทะเบียนที่ 39/5 ถนนติวานนท์ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 ประเทศไทย ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บีลีฟ” และผู้ขายในตลาดสินค้า ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ขาย” (ต่อไปนี้จะเรียกบีลีฟและผู้ขายแต่ละรายว่า “คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” และเรียกรวมกันว่า“คู่สัญญา” ขึ้นอยู่กับบริบท) เพื่อกิจกรรมที่บีลีฟมอบให้แก่ผู้ขายในการลงรายการและจำหน่ายสินค้า (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “สินค้า”) บนเว็บไซต์และผ่านทางเว็บไซต์ใด ๆ ดังต่อไปนี้ www.beelievesourcing.co.th, www.beelievesourcing.com หรือทรัพย์สินอินเตอร์เน็ตโดเมนอื่นใดของบีลีฟ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “แพลตฟอร์ม”), รวบรวม ทำให้สอดคล้องกัน และดำเนินการธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผู้ขายผ่านทางแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้แทนในการดำเนินการชำระเงินให้แก่ผู้ขาย และการสร้างเนื้อหาอื่นๆ กิจกรรมทางด้านการค้าที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “กิจกรรมทางด้านการค้า”) และ/หรือกิจกรรมการจัดการรายการสั่งซื้อ หรือกิจกรรมอื่นๆ ในลักษณะเดียวกันที่บีลีฟมอบให้แก่ผู้ขาย (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “กิจกรรมต่าง ๆ”) ดังที่บีลีฟและผู้ขายได้ตกลงกันไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
    1.2 ข้อกำหนดฉบับนี้มีผลบังคับใช้เหนือกว่าข้อกำหนดและเงื่อนไขอื่น ๆ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อตกลงของผู้ขาย
    1.3 คำและถ้อยคำที่นิยามไว้ในเงื่อนไขฉบับพิเศษจะมีความหมายเช่นเดียวกับในข้อกำหนดฉบับนี้ เว้นแต่จะนิยามเป็นอย่างอื่นในกรณีนี้
    1.4 ผู้ขายไม่สามารถมอบ โอน หรือทำสัญญารับช่วงสิทธิ์และ/หรือข้อผูกมัดของตนส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขายโดยมิได้รับความยินยอมจากบีลีฟอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร บีลีฟอาจมอบ โอน หรือทำสัญญารับช่วงสิทธิ์และ/หรือข้อผูกมัดส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขายได้
    1.5ผู้ขายจะแจ้งชื่อหมายเลขโทรศัพท์และ/หรือที่อยู่อีเมลของผู้ติดต่อระหว่างชั่วโมงเปิดทำการเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อซึ่งสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานการทำธุรกรรม หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่บีลีฟร้องขอ แต่ไม่จำกัดเพียง เนื้อหาบนเว็บไซต์ กิจกรรมทางด้านการค้า
    การอัพเดตระดับสินค้าในสต็อกและการอัพเดตราคาและกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้
    ส่วน ก.บทบัญญัติที่บังคับใช้กับการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม
  2. ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและเนื้อหาบนเว็บไซต์
    2.1 ผู้ขายจะมอบเนื้อหา ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลผลิตภัณฑ์ ข้อความ รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้อง อันเกี่ยวข้องกับสินค้าแต่ละประเภทที่ผู้ขายทำให้มีเพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม หรือเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมอื่น ๆ ที่บีลีฟจัดให้ในรูปแบบที่บีลีฟกำหนด ผู้ขายจะอัพเดตเนื้อหาทันทีตามที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะมีความถูกต้องและสมบูรณ์อยู่เสมอ
    2.2 ผู้ขายจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหา ข้อเสนอ และการขายสินค้าใดๆ ที่ตามมาในภายหลังนั้นเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ (รวมถึงข้อกำหนดด้านอายุขั้นต่ำ เครื่องหมายและข้อบังคับการติดแสดงฉลาก การรับประกันผลิตภัณฑ์ ข้อมูลจำเพาะ ภาพวาด ตัวอย่าง และเกณฑ์การปฏิบัติ) และไม่มีภาพที่มีเนื้อหาโจ่งแจ้งในทางเพศหรือเป็นประเด็นอ่อนไหวอันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม (ยกเว้นในกรณีที่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนจากบีลีฟหรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ) เนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท หรือลามกอนาจาร
    2.3 บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการระงับรายการสินค้าและการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มโดยทันทีหากส่วนใดก็ตามของเนื้อหามีความไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรืออาจกระทบสภาพการซื้อขายของตลาด หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว

2.4 ผู้ขายจะต้องชดใช้และรับผิดชอบมูลค่า (รวมถึงค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในศาลอันเป็นค่าเสียหายพื้นฐาน) ค่าใช้จ่าย ค่าปรับ ค่าสินไหมทดแทน ความสูญเสีย ความเสียหาย และหนี้สินใดๆ ทั้งหมด อันเกิดขึ้นจากการอ้างสิทธิ์ การเรียกร้อง หรือการกระทำอื่นใดที่เป็นผลมาจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์หรือผิดกฎหมาย หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ผู้ขายมอบให้ ต่อบีลีฟ บริษัทย่อย และบริษัทในเครือ
2.5 ดังนั้น ผู้ขายจึงต้องรับผิดชอบและแสดงตนว่าผู้ขายได้รับการอนุญาต ใบอนุญาต หรือการอนุมัติทั้งหมดที่จำเป็นต่อการขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มแล้ว หรือจะได้รับสิ่งเหล่านั้นก่อนการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการยุติและระงับสถานะของผู้ขายรายดังกล่าวตามดุลยพินิจของบีลีฟ หากผู้ขายฝ่าฝืนข้อกำหนดนี้

2.6 ผู้ขายจะไม่มอบเนื้อหาหรือพยายามลงรายการบนแพลตฟอร์มเพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าใดๆ หรือมอบสัญลักษณ์โปรแกรมชี้แหล่งทรัพยากรสากล (“สัญลักษณ์ยูอาร์แอล”) เพื่อใช้งานบนแพลตฟอร์ม หรือร้องขอใช้งานสัญลักษณ์ยูอาร์แอลใดๆ บนแพลตฟอร์ม เว้นแต่ผู้ขายจะมีสิทธิ์ในการตีพิมพ์เนื้อหาและมีสิทธิ์และใบอนุญาตในการขายสินค้าภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ
2.7 เนื้อหาที่มอบให้จะต้องอยู่ในภาษาที่บีลีฟกำหนด และภายในขอบเขตที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ โดยเป็นภาษาไทยและ/หรือภาษาของประเทศที่มีสินค้าลงรายการไว้เพื่อจำหน่ายผ่านทางแพลตฟอร์ม
2.8 ผู้ขายสามรถเพิ่มข้อความ ข้อจำกัดความรับผิด คำเตือน การแจ้งเตือน ฉลาก หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ และ/หรือที่บีลีฟแนะนำให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าว อันมีความเกี่ยวข้องกับข้อเสนอ การส่งเสริมการขาย การโฆษณา หรือการขายสินค้า

2.9 ผู้ขายมอบสิทธิ์ให้แก่บีลีฟในการอนุญาตแบบไม่จำกัดสิทธิ์ในการใช้งาน, ไม่จำกัดแต่เพียงผู้เดียว, ใช้ได้ทั่วโลก, เป็นการถาวร และไม่อาจเพิกถอนได้ ในการใช้งาน ทำซ้ำ แสดง แจกจ่าย ดัดแปลงให้เหมาะสม เปลี่ยนแปลง ปรับรูปแบบใหม่ สร้างชิ้นงานที่พัฒนามาจากสินค้าดังกล่าว และใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และที่มิใช่เชิงพาณิชย์ในลักษณะใด ๆ ในเนื้อหาใด ๆ หรือทั้งหมดที่ผู้ขายมอบให้ และในการมอบสิทธิ์ช่วงของสิทธิ์ที่ได้กล่าวมาก่อนแล้วแก่บริษัทในเครือและผู้ดำเนินการของบีลีฟ ก็ต่อเมื่อบีลีฟไม่เปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าใด ๆ จากรูปแบบที่ผู้ขายมอบให้ (เว้นแต่การปรับขนาดเครื่องหมายการค้าในขอบเขตที่จำเป็นเพื่อการนำเสนอ ตราบเท่าที่สัดส่วนเทียบเคียงของเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังคงเดิม) และจะปฏิบัติตามคำร้องจากผู้ขายในการขอลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงของเครื่องหมายการค้าดังกล่าวและต่อเมื่อไม่มีสิ่งใดในข้อกำหนดที่ห้ามไม่ให้บีลีฟใช้งานเนื้อหา โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ขายในขอบเขตที่การใช้งานดังกล่าวสามารถทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ขายหรือบริษัทในเครือของ
ผู้ขาย ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้
2.10 บีลีฟอาจใช้กลไกต่างๆที่เป็นการประเมิน หรืออนุญาตให้ลูกค้าทำการประเมินหรือวิจารณ์สินค้าของผู้ขาย และ/หรือประสิทธิภาพของผู้ขายในฐานะผู้ขาย และบีลีฟสามารถเปิดการประเมินและการวิจารณ์ดังกล่าวสู่สาธารณะ
2.11 แม้จะมีบทบัญญัติของข้อกำหนดฉบับนี้ก็ตาม แต่บีลีฟมีสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบีลีฟในการกำหนดเนื้อหา โครงสร้างรูปลักษณ์ การออกแบบ ความสามารถในการใช้งาน และลักษณะอื่นๆ ของแพลตฟอร์ม รวมไปถึงกิจกรรมทางด้านการค้า และกิจกรรมอื่นใด หากมี (ประกอบด้วยสิทธิ์ในการออกแบบใหม่ เปลี่ยนแปลง ลบหรือแก้ไขเนื้อหา รูปลักษณ์ การออกแบบ เมตาแท็ก หัวเรื่อง การเพิ่มราคาขาย สไตล์ชีท ต้นฉบับ แอพพลิเคชัน ลิงค์ภายในและลิงค์ภายนอก และส่วนประกอบ รูปลักษณ์ ส่วนหนึ่ง หรือลักษณะเฉพาะอื่นๆ ของสิ่งต่างๆ ดังกล่าว (รวมถึงการลงรายการสินค้าใดๆ) เป็นครั้งคราว)

  1. กิจกรรมทางด้านการค้า
    3.1 บีลีฟอาจมอบกิจกรรมทางด้านการค้าเป็นการเฉพาะให้แก่ผู้ขาย ซึ่งประกอบด้วย:
    ก. กิจกรรม Shop in Shop (“SIS”) อันจะนำมาซึ่งลักษณะการออกแบบเฉพาะบนแพลตฟอร์ม ที่จะยกระดับการนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้ขายในหน้าเพจแรกที่มีไว้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวโดยเฉพาะ
    ข. กิจกรรม Search Engine Marketing (“SEM”) อันจะนำมาซึ่งการประมูลคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและ/หรือผู้ขาย บนเครื่องมือค้นหาทาอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือ
    ค. กิจกรรม Social Media Activities (“SMA”) อันจะนำมาซึ่งการส่งเสริมการขายสินค้าและ/หรือผู้ขายในหน้าเพจแรกของบีลีฟ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    3.2บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ตามดุลยพินิจของบีลีฟในการตัดสินใจทำกำหนดการและการแบ่งสรรที่เกี่ยวข้องสำหรับกิจกรรมทางการค้าที่เฉพาะเจาะจงแต่ละ
    กิจกรรม เว้นแต่คู่สัญญาจะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

3.3 ผู้ขายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ไม่ได้รับอนุญาต ไม่เหมาะสม หรือผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมหรือการใช้งานกิจกรรมทางการค้าของผู้ขายไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมและโดยเจตนา โดยรับทราบอยู่แล้ว โดยประมาท และโดยจงใจ กิจกรรมดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง :
ก. การสร้างปุ่มคลิก การแสดงข้อความ การสอบถาม หรือปฏิสัมพันธ์อื่นๆ ที่เป็นการฉ้อโกง ซ้ำซ้อน หรือเป็นโมฆะ ไม่ว่าจะทำผ่านการใช้แอพพลิเคชันอัตโนมัติหรืออื่นใด
ข. รวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ใดๆ การทำดัชนีหรือการเก็บแคชของส่วนใดๆ จากแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะกระทำผ่านการใช้แอพพลิเคชันอัตโนมัติหรืออื่นใด ยกเว้นกิจกรรมทางด้านการค้าที่บีลีฟเป็นผู้เสนอ
ค. การสื่อสารกับบุคคลเป้าหมายในลักษณะใดๆ ก็ตาม โดยจงใจพุ่งเป้าไปที่ผู้รับซึ่งเป็นผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ง. การแทรกแซงการทำงานที่เหมาะสมของแพลตฟอร์ม กิจกรรมต่างๆ หรือระบบของบีลีฟ
จ. การแพร่ไวรัส หรือ โทรจัน หรือรหัสที่เป็นอันตรายอื่นใด หรือ
ฉ. พยายามหลีกเลี่ยงกลไกใดๆ ที่บีลีฟใช้เพื่อตรวจจับหรือป้องกันกำรกระทำดังกล่าว
ช. การซื้อ การซื้อซ้ำ และ/หรือใช้วิธีใดๆ ในการได้มาซึ่งสินค้าของตนผ่านทางลูกจ้าง ผู้แทน ผู้รับเหมา หรือบริษัทในเครือ และ/หรือการสร้างลูกค้าปลอมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือผิดกฎหมายขึ้นมาในหน้าสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียน ไม่ว่าจะเพื่อหาประโยชน์ ให้ได้มาซึ่งสิทธิ์หรือรับสิทธิพิเศษใดๆ จากบีลีฟหรือลูกค้าที่สุจริตใจ
ซ. การสร้างสถาณการณ์ใดๆ ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อชื่อเสียงของบีลีฟ
3.4 กิจกรรมทำงด้านการค้าถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่างๆ ที่บีลีฟมอบให้แก่ผู้ขาย ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดฉบับปัจจุบัน
3.5 ผู้ขายมีข้อผูกมัดที่เข้มงวดในการรายงานต่อบีลีฟ เมื่อได้รับทราบถึงการกระทำที่น่าสงสัยใดๆ ที่มิใช่การกระทำธุรกิจตามปกติของบีลีฟ และในการหลีกเลี่ยง ป้องกัน หรือปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้อง การเชื่อมโยง และ/หรือความสัมพันธ์ใดๆ กับกิจกรรมที่น่าสงสัย ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะผิดกฎหมาย เป็นการฉ้อโกง หรือเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องอื่นใด ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนสิทธิ์ใด ๆ ของบีลีฟ มิฉะนั้น จะถือว่าผู้ขายฝ่าฝืนเจตนารมณ์อันเป็นสำระสำคัญภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้โดยเจตนา โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

  1. การปรับระดับสินค้าในสต็อกและการอัพเดตราคาขาย ให้เป็นปัจจุบัน(อัพเดต)
    4.1 ผู้ขายจะต้องมอบข้อมูลที่มีการปรับให้เป็นปัจจุบัน(อัพเดต) สมบูรณ์และเพียงพอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานะสินค้า ระดับสินค้าในสต็อก และราคาขายของสินค้าแต่ละรายการที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้เพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม เมื่อใดก็ตามในรูปแบบที่บีลีฟกำหนด 4.2 ผู้ขายจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการมอบราคาขายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสินค้าแต่ละรายการเพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม โดยเปรียบเทียบราคาของสินค้าชนิดเดียวกันที่ลงรายการเพื่อขายผ่านทางแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์และ/หรือร้านค้าปลีก หรือช่องทางการตลาดอื่นๆ เมื่อใดก็ตามในรูปแบบที่บีลีฟกำหนด โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นใดในข้อกำหนดฉบับนี้
  2. การระงับการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม
    5.1 บีลีฟจะมีสิทธิในการเลื่อนเวลาหรือระงับการลงรายการ คัดออกจากรายการหรือห้ามผู้ขายลงรายการสินค้าใดๆ หรือทั้งหมดที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้เพื่อนำไปลงรายการเพื่อขายผ่านแพลตฟอร์ม หรือภายใต้กิจกรรมทางด้านการค้าที่บีลีฟจัดให้(หากมี) ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นใดในข้อกำหนดฉบับนี้
    ส่วน ข. บทบัญญัติที่บังคับใช้ในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม
  3. การเข้าถึงเครื่องมือไอที
    6.1 รหัสผ่านใดๆ ที่บีลีฟมอบให้แก่ผู้ขายสามารถใช้ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ผู้ขายได้รับอนุญาตให้ใช้งานแพลตฟอร์ม จัดการแคตตาล็อกสินค้าที่ลงรายการไว้บนแพลตฟอร์ม อัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า (เช่น สถานะสินค้า ระดับสินค้า และราคา) รับและดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ และตรวจสอบธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ (ดังที่นิยามไว้ในบทที่ (7.1) ด้านล่าง)
    6.2 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการรักษาความปลอดภัยของรหัสผ่านของตน ผู้ขายจะต้องไม่เปิดเผยรหัสผ่านของตนให้แก่บุคคลที่สามใดๆ (ซึ่งนอกเหนือจำกบุคคลที่สามที่ได้รับอนุญาตจากบีลีฟให้ใช้งานบัญชีตามข้อตกลงของผู้ขาย) และผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการใช้งานหรือการกระทำใด ๆ ของผู้ที่ใช้รหัสผ่านดังกล่าว หากรหัสผ่านของผู้ขายตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้ขายต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
  4. ข้อมูลลูกค้าและการบริการลูกค้า
    7.1 บีลีฟจะเป็นเจ้าของข้อมูลบัญชีเกี่ยวกับบุคคลที่สามผู้ซื้อสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์ม (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ลูกค้า”) ข้อมูลเกี่ยวกับการขายสินค้าให้แก่ลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์ม (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “คำสั่งซื้อ”) และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งประกอบด้วยการชำระเงิน ค่าธรรมเนียมกิจกรรม (ดังที่นิยามไว้ในบทที่ (14.1) ด้านล่าง) การจ่ายเงิน การคืนเงิน ค่าธรรมเนียมการผิดสัญญาและการปรับปรุงรายการและบีลีฟจะไม่รับผิดชอบในการชำระค่าสิทธิ์หรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลบัญชีลูกค้าใด ๆ ดังกล่าวให้แก่ผู้ขาย
    7.2 ผู้ขายจะไม่ยืนยันคำสั่งซื้อ ธุรกรรม การส่งสินค้า หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินการคำสั่งซื้อให้แก่ลูกค้า ผ่านทางวิธีการต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงจดหมาย อีเมล โทรศัพท์ โทรสาร หรือการสื่อสารวิธีอื่น
    7.3 บีลีฟจะรับผิดชอบในการจัดการกับลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว ความรับผิดชอบของบีลีฟและผู้ขายในด้านที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุหีบห่อ การจัดการสินค้า การส่ง การส่งคืน การรับประกัน และคำสั่งซื้อ (จะเป็นไปตามรูปแบบการดำเนินการที่ระบุในบทที่ (10) และ (11) ด้านล่าง) และได้รับความเห็นชอบจากคู่สัญญาภายใต้ข้อตกลงของผู้ซื้อ

7.4 บีลีฟจะมีสิทธิตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียวในการกำหนดว่าลูกค้าจะได้รับเงินคืน การปรับเปลี่ยน หรือการเปลี่ยนสินค้าหรือไม่ ผู้ขายจะชำระเงินคืนค่ากิจกรรมดังกล่าวเต็มจำนวนให้แก่บีลีฟ โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายของผู้ขายเอง

7.5 ผู้ขายจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าที่เปิดเผยโดยบีลีฟ หรือมีการรวบรวมหรือได้มาภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น ผู้ขายจะไม่ขาย มอบหมาย อนุญาต ตีพิมพ์ ให้เช่าหรือหาประโยชน์อื่นใดในทางการค้าจากข้อมูลของลูกค้า หรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าในลักษณะใดๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ขายที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายจะไม่ทำเหมืองข้อมูล รวบรวมข้อมูล หรือตัดทอนข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์สถิติหรือการค้าหรืออื่นใดที่มาจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลลูกค้า ข้อมูลลูกค้าทั้งหมดจะต้องไม่มีการเปิดเผยต่อบุคคลที่สามใดๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบีลีฟ ข้อมูลลูกค้าจะต้องมีการเปิดเผยภายในองค์การของผู้ขายบนพื้นฐานของการรู้เท่าที่จำเป็น

  1. การยืนยันคำสั่งซื้อ
    8.1 บีลีฟสามารถระงับเพื่อทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและ/หรือปฏิเสธที่จะดำเนินการคำสั่งซื้อหรือธุรกรรมใด ๆ ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว บีลีฟสามารถใช้บริการของผู้ดำเนินการซึ่งเป็นบุคคลที่สามหรือสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ในลักษณะดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม เพียงรายเดียวหรือมากกว่าก็ได้
    8.2 ราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อจะไม่เป็นไปตามการผันแปรใด ๆ และจะต้องรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (เช่น ค่าบรรจุหีบห่อ การเก็บรักษา หรือค่าส่งสินค้า) เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอย่างอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรูปแบบในการดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้า (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “รูปแบบการดำเนินการ”) ตามที่ได้ตกลงกันระหว่างผู้ขายและบีลีฟ และรวมถึงค่าธรรมเนียมกิจกรรม และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ (หากมี) กิจกรรมต่างๆ และวิธีการชำระเงินคำสั่งซื้อ บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธแบบฟอร์มคำสั่งซื้อหรือการชำระเงินค่าสินค้าใดๆ และในการไม่จ่ายเงินหรือยอมรับส่วนลด คูปอง บัตรของขวัญ หรือข้อเสนอหรือสิ่งจูงใจอื่นๆ ที่ผู้ขายจัดเตรียมไว้ เว้นแต่ผู้ขายจะจ่ายเงินเต็มจำนวนตามราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อ แม้ว่าราคาที่ลงรายการไว้สำหรับสินค้าดังกล่าวจะระบุไว้ผิดพลาดก็ตาม
    8.3 ผู้ขายจะรับความเสี่ยงในการฉ้อโกงหรือความสูญเสียทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่คำนึงถึงว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ขายหรือลูกค้า ผู้ขายจะแจ้งให้บีลีฟทราบถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อลักษณะหรือคุณสมบัติต่างๆ ของสินค้า หรือรูปแบบการฉ้อโกงหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมอันเกี่ยวข้องกับสินค้าใดๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ฉ้อโกงหรือความไม่เหมาะสมที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
  2. การดำเนินการคำสั่งซื้อ
    9.1 ผู้ขายและบีลีฟเห็นพ้องต้องกันในข้อกำหนดและเงื่อนไขดังที่ได้ระบุในรูปแบบการดำเนินการ ดังนี้:
    ก. การดร็อปชิป (DROPSHIP) : ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาแหล่งสินค้า เก็บรักษา ขาย และบรรจุหีบห่อสินค้าทั้งหมด รวมทั้งส่งสินค้าให้แก่ผู้รับตามที่อยู่การส่งสินค้าที่ระบุในคำสั่งซื้อ โดยบีลีฟจะให้การสนับสนุนด้วยการประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า และกิจกรรมการขายซึ่งประกอบด้วยการตอบคำถามของลูกค้าและดำเนินการจัดการสินค้าส่งคืน
    ข. การดำเนินการโดยบุคคลที่สาม : ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาแหล่งสินค้าและจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ บีลีฟจะให้การสนับสนุนผ่านทางบุคคลที่สามที่บริษัทเลือกในการประสานงานด้านกิจกรรมการจัดเก็บสินค้า การขาย บรรจุหีบห่อ และออกใบแจ้งราคาสินค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับสินค้า (ต่อเมื่อกรรมสิทธิ์ของสินค้ายังคงอยู่ในความครอบครองของผู้ขายแต่เพียงผู้เดียวจนกว่าจะมีการบังคับใช้ข้อตกลงของลูกค้าโดยสมบูรณ์) รวมถึงการส่งสินค้าให้แก่ผู้รับตามที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อ บีลีฟจะให้การสนับสนุนในการประสานงานเกี่ยวกับกิจกรรมหลังการขาย ซึ่งประกอบด้วยการตอบคำถามของลูกค้าและดำเนินการจัดการสินค้าส่งคืน
    9.2 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการให้การรับประกันสินค้าทุกชิ้นตามที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับและ/หรือการแนะนำของบีลีฟ
    9.3 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการคำสั่งซื้อสำหรับสินค้าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ ซึ่งขายผ่านทางแพลตฟอร์มและ/หรือตามที่แจ้งโดยบีลีฟ คำสั่งซื้อทั้งหมดถือเป็นที่สิ้นสุดและไม่สามารถยกเลิกหรือเพิกถอนโดยผู้ขายได้ เว้นแต่จะมีระบุไว้เป็นอื่นในข้อกำหนดฉบับนี้
    9.4 ข้อตกลงในการจัดหาสินค้าดังที่ได้ระบุภายใต้คำสั่งซื้อ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ข้อตกลงของลูกค้า”) จะต้องดำเนินการโดยบีลีฟหลังจากได้รับใบเสร็จรับเงินที่ลูกค้าเป็นผู้ลงนาม ความเป็นเจ้าของสินค้าจะยังคงเป็นของผู้ขายจนกว่าจะมีการดำเนินการข้อตกลงของลูกค้า บีลีฟจะไม่เป็นหรือถือว่าเป็นคู่สัญญาของข้อตกลงของลูกค้า และจะไม่รับผิดชอบตามกฎหมายแก่คู่สัญญาฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
    9.5 ผู้ขายสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับทั้งหมดอย่างเต็มที่ ซึ่งประกอบด้วยแต่ไม่จำกัดเพียงเกณฑ์การปกป้องผู้บริโภคซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มภายใต้ข้อตกลงของลูกค้า
    9.6 บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง จำกัด หรือยกเลิกการใช้งานผู้ขนส่งสินค้าตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว
    9.7 บีลีฟสามารถอนุญาตให้ผู้ขายส่งสินค้าโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง) โดยใช้อัตราค่าขนส่งที่มีการลดราคาซึ่งแนะนำโดยบีลีฟ อัตราค่าขนส่งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ขนส่งได้ในบางครั้งบางคราว ผู้ขายจะไม่ใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ขนส่งสินค้า หมายเลข และอัตราค่าขนส่งเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากข้อผูกมัดภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ และไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคลที่สามใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ขายจะเก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับ สิทธิ์การเป็นเจ้าของและความเสี่ยงในการสูญหายของสินค้าใดๆ ที่ส่งโดยใช้อัตราค่าขนส่งที่มีการลดราคาซึ่งบีลีฟจัดทำให้ภายใต้ข้อนี้จะยังคงเป็นของผู้ขาย อัตราค่าขนส่งที่บีลีฟจัดหาให้จะไม่ก่อให้เกิดการรับผิดทางกฎหมายหรือความรับผิดชอบใดๆ
    แก่บีลีฟในกรณีที่เกิดความล่าช้า ความเสียหาย ความสูญเสีย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง ผู้ขายจะต้องมอบอำนาจให้แก่ผู้ขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องในการมอบข้อมูลการติดตามการส่งสินค้าให้แก่บีลีฟ
    9.8 ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าผิดพลาด (หมายถึงข้อตกลงของลูกค้าใดๆ ที่ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จเนื่องจาก ก) ที่อยู่ในการส่งที่ระบุในคำสั่งซื้อไม่ถูกต้อง ข) ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้แม้จะได้พยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งผู้ขนส่งสินค้าจะเป็นผู้กำหนดจำนวนครั้งในความพยายามจัดส่งสินค้าโดยพิจารณาเป็นกรณีไป หรือ ค) ลูกค้าปฏิเสธและยกเลิกคำสั่งซื้อในขณะที่สินค้าถูกส่งไปยังที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อแล้ว) หรือการคืนสินค้า ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในด้านขนส่งและการประกันภัยการขนส่งสินค้า ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ได้ประเมินหรือเกิดขึ้นโดยบีลีฟ อันเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า จะถูกหักออกจากยอดเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ขาย หรือด้วยวิธีอื่นตามที่บีลีฟเลือก และผู้ขายจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการชำระค่าภาษีศุลกากร ภาษีอากร และภาษีอื่นๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและการนำสินค้าผ่านด่านศุลกากร
    9.9 บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการจำกัดจุดหมายในการส่งสินค้าของผู้ขายซึ่งขายผ่านทางแพลตฟอร์ม ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว
    9.10 หากผู้ขายส่งสินค้าจากอีกประเทศหนึ่ง ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการดำเนินขั้นตอนการนำเข้าสินค้าให้เสร็จสิ้น โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง (รวมถึงการระบุตนเองเป็นผู้นำเข้า/ผู้รับของ และการแต่งตั้งนายหน้าศุลกากร) หากบีลีฟมีรายชื่ออยู่ในเอกสารการนำเข้าใด ๆ บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการรับสินค้าและ/หรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่ครอบคลุมในเอกสารการนำเข้าดังกล่าว และค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ประเมินได้หรือเกิดขึ้น เพราะบีลีฟจะถูกหักออกจากยอดเงินที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ขาย หรือด้วยวิธีอื่นตามที่บีลีฟเลือก
    9.11 ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามกระบวนการทำงานตามมาตรฐาน ข้อกำหนดด้านน้ำหนักและขนาด และข้อกำหนดในการขนส่งสินค้าอื่น ๆ ของผู้ขนส่งสินค้าที่ใช้บริการ หากบีลีฟได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าโดยประมาณแก่ผู้ขายก่อนการส่งสินค้า ถือว่าผู้ขายรับทราบและยอมรับว่าค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าตามจริงที่ผู้ขายต้องรับผิดชอบนั้น:
    ก. อาจเกินกว่าค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าโดยประมาณ หากผู้ส่งสินค้าระบุว่าสินค้าดังกล่าวมีน้ำหนักมากกว่า (ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการคำนวณน้ำหนักตามปริมาตรของผู้ส่งสินค้าด้วย) ที่ผู้ขายระบุ หรือ
    ข. อาจเป็นไปตามจำนวนเต็มของค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าโดยประมาณ แม้ว่าผู้ส่งสินค้าจะระบุว่าน้ำหนักน้อยกว่าที่ผู้ขายระบุก็ตาม
    9.12 ตามบทบัญญัติข้อที่ (10.4) และ (11.7) ของข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ผู้ขายจะต้องห่อและบรรจุหีบห่อดั้งเดิมของสินค้านั้นในขณะเตรียมสินค้าเพื่อการขนส่ง ไม่ว่าในกรณีใดๆ หีบห่อบรรจุนั้นจะต้องช่วยรับประกันความสมบูรณ์ของสินค้าและหีบห่อเดิมที่เกี่ยวข้อง
  3. บทบัญญัติที่บังคับใช้เพื่อดำเนินการคำสั่งซื้อขณะที่ใช้รูปแบบการดำเนินการแบบดร็อปชิป
    10.1 นอกเหนือจากข้อกำหนดฉบับนี้ บทบัญญัติในบทที่ (10) นี้บังคับใช้กับคำสั่งซื้อที่มีการดำเนินการตามรูปแบบการดำเนินการแบบดร็อปชิป โดยยกเว้นบทบัญญัติที่ระบุไว้ในภาคผนวก (ข.)
    10.2 บีลีฟจะมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อสินค้าแต่ละคำสั่งที่กระทำผ่านแพลตฟอร์มให้แก่ผู้ขาย
    10.3 ผู้ขายจะหยุดและ/หรือยกเลิกคำสั่งซื้อใดๆ ตามคำชี้แนะของบีลีฟ หากลูกค้าถูกเรียกเก็บเงินจากคำสั่งซื้อดังกล่าวแล้ว บีลีฟจะทำการคืนเงิน (และการปรับปรุงรายการใดๆ) และมอบเครดิตให้แก่บัญชีลูกค้ารายดังกล่าว โดยผู้ขายจะต้องชดใช้ยอดเงินที่ได้มอบเครดิตให้แก่บีลีฟเต็มจำนวน
    10.4 ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบต่อและแบกรับความเสี่ยงและความรับผิดชอบตามกฎหมายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวในการจัดหาแหล่งสินค้า จัดเก็บรักษา ขาย บรรจุหีบห่อและให้การรับประกันสินค้าทั้งหมด (ทั้งหมดตามที่เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ) รวมถึงการส่งสินค้าให้แก่ผู้รับและที่อยู่การส่งสินค้าที่ระบุไว้ในคำสั่งซื้อและผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อความไม่สอดคล้องหรือข้อบกพร่องใด ๆ ความเสียหาย หรือการโจรกรรม หรือการเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับจัดหาแหล่งสินค้า การขาย การบรรจุหีบห่อ การจัดส่งหรือไม่จัดส่งสินค้าหรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินการคำสั่งซื้อ ยกเว้นในขอบเขตที่เกิดขึ้นจาก:
    ก. การฉ้อโกงบัตรเครดิตที่บีลีฟต้องรับผิดชอบ หรือ
    ข. การที่บีลีฟไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อแก่ผู้ขายได้
    10.5 หากมีข้อกำหนดตามกฎหมาย ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการจัดหาการประกันภัยที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น รวมถึงข้อผูกมัดอื่นๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้
    10.6 ผู้ขายจะต้องใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการดำเนินการตามที่ได้ระบุไว้ในบทที่ (10.6.1) และ (10.6.2) ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากได้รับคำสั่งซื้อ
    10.6.1 การรับสินค้า: ผู้ขายจะต้องเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับการรับสินค้าภายใน 24 ชั่วโมงนับจากวันสั่งซื้อสินค้าที่แสดงที่ศูนย์ข้อมูลผู้ขาย และ/หรือตามแต่ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร
    10.6.2 การส่งสินค้า : ผู้ขายต้องส่งสินค้าตามสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ภำยใน 24 ชั่วโมงนับจากวันสั่งซื้อสินค้าที่แสดงที่ศูนย์ข้อมูลผู้ขาย และ/หรือตามแต่ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร
    10.7 บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาและยกเลิกคำสั่งซื้อหากผู้ขายไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติใดๆ ของข้อกำหนดฉบับนี้
  4. บทบัญญัติที่บังคับใช้กับการดาเนินการคำสั่งซื้อเมื่อใช้บริการดำเนินการโดยบุคคลที่สาม
    11.1 นอกเหนือจากข้อกำหนดฉบับนี้ [ยกเว้นบทบัญญัติที่ระบุในบทที่ (10)] บทบัญญัติในบทที่ (11) นี้บังคับใช้กับคำสั่งซื้อที่ดำเนินการโดยการดำเนินการในรูปแบบของบุคคลที่สาม เมื่อผู้ขายจำเป็นต้องดำเนินการในข้อตกลงขั้นสุดท้ายซึ่งแยกออกไปอีกฉบับกับบุคคลที่สาม 11.2 บีลีฟจะมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อสินค้าแต่ละคำสั่งที่กระทำผ่านแพลตฟอร์มให้แก่ผู้ขาย
    11.3 บีลีฟสามารถหยุดคำสั่งซื้อใดๆ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนั้น ผู้ขายจะหยุดและ/หรือยกเลิกคำสั่งซื้อใดๆ ตามคำชี้แนะของบีลีฟ
    หากลูกค้าถูกเรียกเก็บเงินเนื่องจากคำสั่งซื้อดังกล่าวแล้ว บีลีฟจะทำการคืนเงิน (และการปรับปรุงรายการใด ๆ) และมอบเครดิตให้แก่บัญชีลูกค้ารายดังกล่าว โดยผู้ขายจะต้องชดใช้ยอดเงินที่ได้มอบเครดิตให้แก่บีลีฟเต็มจำนวน 11.4 ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบต่อ และแบกรับความเสี่ยงและความรับผิดชอบตามกฎหมายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวในการจัดหาแหล่งสินค้า การจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ รวมถึงให้การรับประกันสินค้า ด้วยเหตุนี้ ผู้ขายจึงมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความไม่สอดคล้องหรือข้อบกพร่องใด ๆ ความเสียหาย หรือการโจรกรรม หรือการเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับจัดหาแหล่งสินค้าและการจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ ยกเว้นในขอบเขตที่เกิดขึ้นจาก :
    ก. การฉ้อโกงบัตรเครดิตที่บีลีฟต้องรับผิดชอบ หรือ
    ข. การที่บีลีฟไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อแก่ผู้ขายได้
    11.5 หากมีข้อกำหนดตามกฎหมาย ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการจัดหาการประกันภัยที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมเหตุการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น รวมถึงข้อผูกมัดอื่นๆ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้
    11.6 ในการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ ผู้ขายจะต้องเตรียมสินค้า ณ สถานที่ของตนให้พร้อมต่อการมารับสินค้าของบีลีฟ เว้นแต่จะมีเงื่อนไขการจัดส่งสินค้าที่แตกต่างงออกไปในข้อตกลงของผู้ขาย
    11.7 สินค้าจะต้องได้รับการจัดส่งไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้โดยมีการบรรจุหีบห่อตามที่ตกลง และในหีบห่อบรรจุที่รับรองความสมบูรณ์ของสินค้าที่ส่งไม่ว่าในกรณีใด ๆ หากสินค้าจำเป็นต้องขนส่งด้วยพาเลต สินค้าจะต้องมีขนาด 80×120 ซม. (แปดสิบคูณหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร) หรือ 100×120 ซม. (หนึ่งร้อยคูณหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตร) และมีน้ำหนักรวมสูงสุด 1,500 กก. (หนึ่งพันห้าร้อยกิโลกรัม) เว้นแต่จะมีข้อกำหนดอื่นในข้อตกลง (กรอบความตกลง) ของผู้ขาย ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายต่อความเสียหายของสินค้าอันเนื่องมาจากการบรรจุหีบห่อที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม 11.8 ในกรณีที่สินค้ามีการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม บีลีฟสามารถดำเนินการส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือจัดการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากใหม่โดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว 11.9 ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานการบรรจุหีบห่อหรือติดฉลากที่บีลีฟอาจผู้เป็นกำหนดได้ บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธหรือยอมรับการส่งสินค้าหรือสินค้าที่ไม่เหมาะสมใดๆ โดยต้องแจ้งเตือนผู้ขายให้ทราบถึงการปฏิเสธดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน (10) วันนับจากที่ได้รับสินค้าดังกล่าว บีลีฟสามารถจัดการส่งสินค้ากลับโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือกำจัดสินค้าที่ไม่เหมาะสมใดๆ ในกรณีดังต่อไปนี้: ก. หากบีลีฟตัดสินใจว่าสินค้าดังกล่าวก่อให้เกิดความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย สุขภาพ หรือความรับผิดชอบตามกฎหมายให้แก่บีลีฟ บุคลากรของบีลีฟหรือบุคคลที่สามใด ๆ และต่อลูกค้า บีลีฟจะดำเนินการจัดการโดยทันที ข. หากสินค้าดังกล่าวไม่สอดคล้อง (ในด้านจำนวน คุณภาพ หรือคุณสมบัติที่กำหนด) กับคำสั่งซื้อ
    ค. หากผู้ขายไม่สามารถแจ้งให้บีลีฟส่งคืนหรือกำจัดสินค้าที่ไม่เหมาะะสมใดๆ ภายใน (30) วัน นับจำกวันที่บีลีฟแจ้งเตือนการปฏิเสธตามบทที่ (11.9) นี้ ง. การที่ผู้ขายไม่สามารถดำเนินการตามข้อกำหนดในการบรรจุหีบห่อดังที่บีลีฟกำหนด ถือว่าผู้ขายสละสิทธิ์ทั้งหมดในการยื่นคำร้องและเรียกร้องต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากผู้ขนส่งสินค้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ปฏิเสธที่จะยอมรับคำสั่งซื้อและหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขายอย่างต็มจำนวน

11.10 ในกรณีที่มีการจัดส่งสินค้าเกิดขึ้นก่อนวันที่ระบุในคำสั่งซื้อ บีลีฟจะได้รับสิทธิ์ในการรับสินค้าหรือจัดการคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

11.11 สินค้าจะต้องติดใบส่งสินค้าซึ่งระบุข้อมูลดังต่อไปนี้: ชื่อของผู้ขาย หมายเลขคำสั่งซื้อ จำนวน รายละเอียดสินค้า (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง รายการรหัสสำหรับสินค้าขาเข้า รายการรหัสบาร์โค้ดสำหรับสินค้าขาเข้า รายละเอียดสินค้า สถานะการรับประกันต่อสินค้าแต่ละชิ้น)
น้ำหนักรวมและน้ำหนักสุทธิ สถานที่ส่งสินค้าและผู้รับสินค้า สาเหตุในการขนส่งและข้อมูลที่ได้รับการกำหนดอย่างชัดแจ้งตามกฎหมายที่ใช้บังคับ และเอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น (รวมถึงใบกำกับภาษีของบีลีฟ ที่ส่งแนบไปกับใบส่งสินค้า)

11.12 ใบเสร็จการส่งสินค้าที่ได้รับการยืนยันแล้วของบีลีฟมิได้ :
ก. ระบุหรืออนุมานได้ว่าสินค้าใดๆ ถูกส่งโดยปราศจากการสูญหายหรือความเสียหาย หรือ
ข. ระบุหรืออนุมานว่าบีลีฟได้รับสินค้าตามจำนวนหน่วยที่ผู้ขายระบุไว้สำหรับการส่งสินค้าในครั้งดังกล่าวจริง หรือ ค. สละสิทธิ์ จำกัด หรือลดทอนสิทธิใดๆ ของบีลีฟภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้
11.13 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของบีลีฟ และเว้นแต่จะมีข้อห้ามตามกฎหมาย บีลีฟจะให้การสนับสนุนผ่านทางบุคคลที่สามที่บริษัทเลือก เกี่ยวกับการประสานงานกิจกรรมด้านการเก็บรักษาสินค้า เมื่อบริษัทยืนยันการได้รับสินค้าและจะเก็บบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะติดตามจำนวนสินค้าคงคลังของสินค้าต่างๆ ด้วยการระบุจำนวนสินค้าที่เก็บไว้ในสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ บีลีฟจะไม่ถูกกำหนดให้ทำเครื่องหมายที่เป็นรูปธรรมหรือแบ่งแยกสิ่งของต่าง ๆ ออกจากสินค้าคงคลังอื่น ๆ ที่เป็นของผู้ขายซึ่งอยู่ในสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ หากบีลีฟเลือกเพื่อนำสินค้าไปปะปนกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของบีลีฟหรือของบุคคลที่สามใด ๆ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ในการที่จะระบุสิ่งที่จะถือว่าเป็นสินค้านั้น บันทึกของบีลีฟมีความเพียงพอแล้วที่จะใช้ในการระบุ หากสินค้าใด ๆ เกิดการสูญหายหรือเสียหายระหว่างการเก็บรักษา บีลีฟจะจ่ายค่าชดใช้มูลค่าสินค้าใหม่ให้แก่ผู้ขายและผู้ขายจะมอบใบกำกับภาษีสำหรับค่าชดใช้มูลค่าสินค้าใหม่ที่จ่ายแก่ผู้ขายให้แก่บีลีฟตามที่บีลีฟร้องขอ การชำระค่าชดใช้มูลค่าสินค้าใหม่นี้แสดงถึงความรับผิดชอบตามกฎหมายทั้งหมดของบีลีฟสำหรับหน้าที่หรือข้อผูกมัดใด ๆ ที่บีลีฟหรือตัวแทนหรือผู้แทนของบริษัทอาจมีในการเก็บรักษาสินค้าในโกดัง และเป็นสิทธิ์เพียงอย่างเดียวของผู้ขายหรือเป็นการเยียวยาที่ผู้ขายอาจได้รับในฐานะเจ้าของโกดังสินค้า ในโอกาสอื่นทั้งหมด ผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายต่อสินค้าใด ๆ แต่เพียงผู้เดียว
11.14 ในระหว่างการเก็บรักษา บีลีฟจะประสานงานเพื่อให้ความคุ้มครองในการรับประกันสินค้าจากความเสียหาย การสูญหาย หรือการโจรกรรมโดยครอบคลุมมูลค่าของสินค้าเต็มจำนวน เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดหาแหล่งสินค้าตามที่ลงรายละเอียดไว้ในใบส่งสินค้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บีลีฟประกาศว่าสินค้าดังกล่าวถูกโจรกรรม สูญหาย หรือเสียหาย
11.15บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการกำหนดและเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดในการกำหนดเวลาและจำนวนในการขนส่งและการเก็บรักษาของสินค้าคงคลังของบีลีฟในสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้เป็นครั้งคราว และผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดและการจำกัดดังกล่าว

11.16 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของบีลีฟ และเว้นแต่จะมีการหวงห้ามตามกฎหมาย บีลีฟจะให้การสนับสนุนผ่านทางบุคคลที่สามที่บีลีฟเลือก เกี่ยวกับการประสานงานการส่งสินค้าที่ได้รับที่สถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ โดยผู้ให้บริการไปยังผู้รับและที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อ บีลีฟอาจทำการประสานงานผ่านทางบุคคลที่สามที่บีลีฟเลือกในการบรรจุหีบห่อเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงหีบห่อบรรจุของสินค้า เพื่อรับรองความสมบูรณ์ของสินค้าระหว่างการส่งให้แก่ลูกค้า ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว บีลีฟอาจอำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าพร้อมกับผลิตภัณฑ์ภายในพื้นที่ของบีลีฟหรือของบุคคลที่สาม รวมถึงบริษัทใด ๆ ในเครือของบีลีฟ

11.17 บริษัทประกันภัยที่บีลีฟประสานงานให้เป็นผู้รับประกันภัย จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากคนร้ายหรือการฟ้องร้องที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้าจากสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ไปยังที่อยู่ที่ระบุในคำสั่งซื้อ ยกเว้นในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเนื่องจากการกระทำหรือการผิดนัดของผู้ขายและ/หรือพนักงาน ตัวแทน หรือผู้ทำสัญญาของผู้ขาย
11.18 ในกรณีที่มีการส่งสินค้าผิดพลาด การสูญหาย หรือความเสียหายเกิดขึ้นแก่สินค้าที่ถูกส่งไปแล้ว การระบุสาเหตุของการส่งสินค้าผิดพลาด การสูญหาย หรือความเสียหายนั้นถือเป็นดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเนื่องจากการกระทำหรือการผิดนัดของผู้ขายและ/หรือพนักงาน ตัวแทน หรือผู้ทำสัญญาของผู้ขาย บีลีฟจะ :
ก. ส่งสินค้าทดแทนไปให้แก่ลูกค้าและจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสินค้าใหม่ให้แก่ผู้ขาย หรือ
ข. ดำเนินการคืนเงินให้แก่ลูกค้า และจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสินค้าใหม่สำหรับสินค้านั้นๆ ให้แก่ผู้ขาย
11.19 สินค้าที่สามารถขายได้ใด ๆ ที่ได้รับการส่งคืนอย่างเหมาะสม จะถูกนำกลับไปไว้ในรายการคลังสินค้าของผู้ขาย บีลีฟสามารถดำเนินการคำสั่งซื้อสินค้าได้โดยใช้สินค้าใด ๆ ที่ถูกส่งคืนมา ผู้ขายจะมีสิทธิ์ครอบครองสินค้าทุกชิ้นที่ลูกค้าส่งคืนมา บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบและตัดสินใจตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวว่าสินค้าดังกล่าวเหมาะสมแก่การขายหรือไม่

11.20 หากบีลีฟทำการเปลี่ยนสินค้าหรือคืนเงินให้แก่ลูกค้า ลูกค้าจะต้องคืนสินค้าเดิมไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ บีลีฟจะได้รับสิทธิ์ในการกำจัดสินค้า หรือหากสินค้านั้นสามารถขายได้ บีลีฟสามารถนำสินค้าดังกล่าวกลับไปไว้ในรายการคลังสินค้าของผู้ขาย แล้วแต่บริษัทจะเลือก หากสินค้าดังกล่าวถูกนำกลับไปไว้อยู่ในรายการคลังสินค้า ผู้ขายจะชำระเงินค่าชดเชยมูลค่าสินค้าใหม่ที่ถูกส่งคืนมาให้แก่บีลีฟ การเปลี่ยนสินค้าใด ๆ ที่ถูกส่งไปในนามของบีลีฟภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ จะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับคำสั่งซื้อหรือการขายสินค้าดังกล่าวจากผู้ขายให้แก่ลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้

11.21 ผู้ขายสามารถยื่นคำร้องให้ส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายเมื่อใดก็ได้ บีลีฟสามารถส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายด้วยเหตุผลใดก็ตาม รวมถึงเมื่อมีการยุติข้อตกลงของผู้ขาย ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการรับสินค้าที่ถูกส่งคืน ณ สถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ภายใน (15) วันทำการ หลังจากที่ได้ทำการแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแก่บีลีฟ สินค้าที่ถูกส่งคืนจะถูกส่งไปยังที่อยู่การจัดส่งของผู้ขายที่ได้ระบุไว้ซึ่งอยู่ในประเทศเดียวกับสถานที่ที่ส่งสินค้านั้นในนามของบีลีฟ หากบีลีฟมีที่อยู่ของผู้ขายที่ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ถูกต้อง หรืออยู่ในต่างประเทศ หรือหากบีลีฟไม่สามารถจัดการให้ผู้ขายชำระค่าส่งคืนได้ สินค้ำดังกล่าวจะถือว่าถูกละทิ้งและบีลีฟสามารถเลือกกำจัดสินค้าตามที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ในลักษณะที่บริษัทเห็นสมควร
11.22 ผู้ขายสามารถร้องขอให้บีลีฟทำการกำจัดสินค้าเมื่อใดก็ได้ บีลีฟสามารถกำจัดสินค้าในลักษณะใดก็ตามที่บีลีฟเห็นว่าเหมาะสม สิทธิ์ครอบครองสินค้าที่ถูกกำจัดจะถูกโอนให้เป็นของบีลีฟโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แก่บีลีฟ และ/หรือบีลีฟจะเก็บรายได้ที่ได้รับจากการกำจัดสินค้าใด ๆ ทั้งหมดต่อไป(หากมี) และ/หรือรายจ่ายที่เกิิดจากการกำจัดสินค้าใด ๆ ทั้งหมดต่อไป(หากมี)

11.23 ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่บีลีฟให้ไว้ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการระงับการปฏิบัติงานที่อาจเกิดขึ้นใดๆ ในสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้

  1. ข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง และการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของสินค้า
    12.1 ผู้ขายรับประกันว่าสินค้าที่ถูกส่งไปนั้น (ถูกส่งไปให้ลูกค้าหรือไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ ตามที่บีลีฟระบุ) จะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุบนแพลตฟอร์มและกฎหมายที่ใช้บังคับ (ว่าสินค้าเป็นไปตามการรับประกันผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนด ภาพวาด ตัวอย่าง เกณฑ์ประสิทธิภาพใดๆและทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และสุขอนามัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) และปราศจากข้อผิดพลาดและข้อบกพร่อง บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการกระทำการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพเมื่อใดก็ได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือผ่านบุคคลที่สามที่บริษัทเลือก และจะต้องแจ้งถึงข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดใดๆ ให้ผู้ขายทราบโดยแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน (30) วันนับจากวันที่พบข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว
    12.2 ในกรณีที่มีข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับและ/หรือข้อกำหนดต่างๆ ที่ระบุบนแพลตฟอร์มซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่ถูกจัดส่งไปให้แก่ลูกค้าหรือไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ บีลีฟจะร้องขอให้ผู้ขายนำสินค้าออก และต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำสินค้าออกนั้นจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขาย หรือบีลีฟอาจร้องขอให้ผู้ขายรวบรวมสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากข้อบกพร่อง ข้อผิดพลด หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด และให้ดำเนินการสับเปลี่ยนสินค้าต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมและเปลี่ยนสินค้าดังกล่าวจะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ขาย
    12.3 ในกรณีใดๆ ก็ตาม บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการร้องขอค่าชดเชยความเสียหายใด ๆ ที่ต้องประสบเนื่องด้วยผลกระทบจากข้อผิดพลดด ข้อบกพร่อง หรือการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
    12.4 ผู้ขายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและปกป้องบีลีฟจากการชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับต้นทุน การสูญหาย ค่าใช้จ่าย หรือความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น อันเกิดขึ้นจากการร้องเรียนของบุคคลที่สาม การดำเนินการทางกฎหมาย และการดำเนินคดีใด ๆ ต่อบีลีฟ และที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับการขายและการใช้สินค้าที่มีข้อบกพร่องและ/หรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
  2. สินค้าส่งคืนและการจัดส่งที่ผิดพลาด
    13.1 ผู้ขายจะต้องยอมรับการจัดส่งที่ผิดพลาด
    13.2 ผู้ขายจะต้องยอมรับการส่งคืนสินค้าโดยมีข้อผูกมัดตามนโยบายการส่งคืนสินค้าของบีลีฟ
    13.3 หากลูกค้าถูกเรียกเก็บเงินเนื่องจากคำสั่งซื้อดังกล่าวแล้ว บีลีฟจะทำการคืนเงินให้แก่ลูกค้า บีลีฟจะกำหนดเส้นทางการคืนเงินทั้งหมด (และการปรับปรุงรายการใดๆ) และมอบเครดิตให้แก่บัญชีลูกค้ารายดังกล่าว โดยผู้ขายจะต้องชดใช้ยอดเงินที่ได้มอบเครดิตให้แก่บีลีฟทั้งหมด บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยน หรือหยุดกลไกการดำเนินการคืน หรือการปรับปรุงรายการใด ๆ เมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
    13.4 บีลีฟไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ที่กำหนดให้ต้องยอมรับการคืนสินค้าใด ๆ ณ สถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ ยกเว้นคำสั่งซื้อใด ๆ ที่มีการดำเนินการโดยบีลีฟโดยใช้รูปแบบการดำเนินการที่ระบุไว้อย่างไรก็ตามบีลีฟสามารถยื่นคำร้องขอให้ส่งคืนสินค้าไปยังสถานที่ที่บีลีฟจัดไว้
    เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพเพิ่มเติมตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว หากบีลีฟทำการตัดสินใจโดยตรงหรือผ่านทางบุคคลที่สามที่บีลีฟเลือก ในระหว่างการตรวจสอบคุณภาพว่าสินค้าที่ถูกส่งคืนนั้นมีข้อผิดพลาดหรือเสียหาย สินค้านั้นจะต้องไม่ถูกเสนอให้แก่ลูกค้ารายอื่น หากข้อผิดพลาดหรือความเสียหายนี้เกิดขึ้นโดยลูกค้า ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดชอบในการยอมรับสินค้าที่ถูกส่งคืนเว้นแต่จะมีระบุไว้เป็นอื่นในกฎหมายที่ใช้บังคับ
    13.5 บีลีฟจะจัดการส่งสินค้าที่ถูกส่งคืน ซึ่งได้รับ ณ สถานที่ที่บีลีฟจัดไว้ ให้ถูกส่งไปยังที่อยู่ที่ผู้ขายระบุ ตามบัญชีของผู้ขายเสมอ โดยที่อยู่นั้นจะต้องอยู่ในประเทศที่สินค้าดังกล่าวลงรายการเพื่อจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม ผู้ขายต้องมอบเอกสารที่กำหนดให้แก่บีลีฟ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงฉลากการส่งสินค้า/รายการส่งสินค้าที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงนามแล้ว (ผู้ขายและบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์)
    และการปรับปรุงแก้ไขสำหรับการรับสินค้าที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งลงนามโดยคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย (ผู้ขายและบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์) บีลีฟจะใช้ความพยายามที่เหมาะสมในการจัดการส่งสินค้าที่ถูกส่งคืนไปยังที่อยู่ที่ผู้ขายระบุภายใน (30) วันหลังจากที่ได้รับแจ้งเตือนจากลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกส่งคืน ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบกพร่องใด ๆ หรือการเรียกคืนโดยส่วนรวมหรือโดยส่วนตัวของสินค้าใด ๆ ผู้ขายจะต้องแจ้งให้บีลีฟทราบถึงการไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ข้อบกพร่อง หรือการเรียกคืนโดยส่วนรวมหรือโดยส่วนตัว หรืออันตรายใด ๆ ดังกล่าวโดยทันที และประสานงานและให้ความช่วยเหลือแก่บีลีฟซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียกคืนสินค้าใด ๆ รวมถึงทำการเริ่มกระบวนการส่งคืนสินค้าให้แก่ผู้ขายภายใต้ขั้นตอนมาตรฐานของบีลีฟภายใน 15 วัน ผู้ขายจะรับผิดชอบต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ผู้ขาย บีลีฟ หรือบริษัทใดๆ ในเครือของบีลีฟ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียกคืนสินค้าหรือการเรียกคืนสินค้าที่เป็นอันตรายใด ๆ (รวมถึงค่าใช้จ่ายในการส่งคืน เก็บรักษาซ่อมแซม ชำระหนี้ หรือส่งผลิตภัณฑ์ใด ๆ เหล่านี้ไปยังผู้ขาย หรือผู้จัดหาสินค้าใด ๆ)
    13.6 เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร บีลีฟจะเก็บรวบรวม ไกล่เกลี่ย และลงบัญชีค่าธรรมเนียมการขายที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อสินค้าที่ถูกส่งคืนหรือจัดส่งผิดพลาดใด ๆ กับผู้ขาย
    13.7 ผู้ขายเห็นพ้องและยึดมั่นที่จะปฏิบัติตามโครงสร้างสำหรับการคำนวณดังตามบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้กำหนดในภาคผนวก ข. กำหนดการ ง.
  3. ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ
    14.1 บีลีฟจะออกใบกำกับค่าธรรมเนียมสุทธิของภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีทั้งหมดที่บังคับใช้ตามกฎหมายแก่ผู้ขาย (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ค่าธรรมเนียมการดำเนินการ”) สำหรับการดำเนินการที่บีลีฟกระทำให้แก่ผู้ขาย (เช่นการดำเนินการลงรายการสินค้าบนแพลตฟอร์ม การผลิตเนื้อหา การค้า หรือการดำเนินการคำสั่งซื้อ) ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับ ตามราคาที่ระบุในข้อกำหนดพิเศษ ซึ่งจะไม่เป็นไปตามการแปรผันใด ๆ เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ค่าธรรมเนียมการดำเนินการนี้จะประกอบด้วย 1) ค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees), 2) ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน, 3) ค่าธรรมเนียมการขนส่ง/โลจิสติกส์ และ 4) ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำตามรายละเอียดที่ระบุในภาคผนวก (ข.)
    14.2 ใบกำกับสินค้าจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้ : หมายเลขและวันที่ของคำสั่งซื้อ การดำเนินการที่กระทำให้ และค่าธรรมเนียมการดำเนินการโดยละเอียด
    14.3 การชำระเงินตามใบกำกับจะต้องกระทำโดยการหักเงินจากยอดที่บีลีฟได้รับจากลูกค้า ในการทำธุรกรรม เว้นแต่จะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
  4. การชำระเงิน
    15.1 บีลีฟจะเรียกเก็บเงินทั้งหมดจากลูกค้า (รวมถึงการชำระเงินสดปลายทางทั้งหมด) ในฐานะที่เป็นตัวแทนการดำเนินการชำระเงินสำหรับผู้ขาย และจะส่งเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ขายตามข้อกำหนดฉบับนี้ และเนื่องจากเป็นตัวแทนการดำเนินการชำระเงิน บีลีฟจะไม่รับผิดชอบในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องตามกฎหมายของธุรกรรมการชำระเงินระหว่างลูกค้าและผู้ขายซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม ผู้ขายรับรองว่าธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับ (รวมถึงระเบียบการต่อต้านการฟอกเงิน) หากมีการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากบีลีฟอย่างชัดเจน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หรือผู้ขนส่งสินค้าสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้า (รวมถึงการชำระเงินสดปลายทาง)
    15.2 บีลีฟจะทำการกระทบยอดและชำระเงินค่าธรรมเนียมการดำเนินการ การชำระเงิน การคืนเงิน และการปรับปรุงรายการใดๆ ทั้งหมด (“การชำระเงิน”) ตามข้อกำหนดฉบับนี้ โดยบีลีฟจะตัดยอดทุก ๆ 10 วัน รอบการโอนเงินค่าสินค้า 3 วันหลังจากวันตัดยอด เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ต้องถูกส่งต่อให้แก่ผู้ขายทุก ๆ 10 วัน หรือทุกเดือนตามแต่สัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบีลีฟและบุคคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์

15.3 หากบีลีฟสรุปว่าการกระทำและ/หรือการปฏิบัติของผู้ขาย ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย ข้อตกลงของลูกค้า และข้อกำหนดฉบับนี้ อาจส่งผลให้เกิด-ข้อพิพาทกับลูกค้า การฉ้อโกง ความน่าสงสัย การคืนเงินให้แก่ลูกค้า หรือการร้องเรียนอื่น ๆ บีลีฟสามารถระงับการชำระเงินหรือหยุดบัญชีใดๆ ตามดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลาไม่เกิน :
ก. ระยะเวลา 90 (เก้าสิบ) วันนับจากวันเริ่มต้นดำเนินการการระงับ
ข. เมื่อเสร็จสิ้นการสืบสวนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ขายและ/หรือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย ข้อตกลงของลูกค้า และข้อกำหนดฉบับปัจจุบัน
15.4 ในกรณีที่ผู้ขายละเมิดสัญญา บีลีฟจะมีสิทธิ์ในการเลื่อนเวลาหรือระงับการชำระเงินได้โดยไม่มีข้อจำกัด การชำระเงินใดๆ ที่กระทำโดยบีลีฟจะไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ดังกล่าวของบริษัทไม่ว่าจะในรูปแบบใด ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้หรือบทบัญญัติที่ระบุในคำสั่งซื้อ

15.5 บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการกำหนดมูลค่าคำสั่งซื้อและ/หรือขีดจำกัดทางธุรกรรม (ทั้งขีดจำกัดขั้นต่ำสุดหรือขั้นสูงสุด) แก่ลูกค้าหรือผู้ขายบางรายหรือทุกราย ที่เกี่ยวข้องกับมูลค่าของธุรกรรมใดๆ มูลค่าสะสมของธุรกรรมทุกรายการระหว่างช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือต่อช่วงระยะเวลาอื่น ๆ บีลีฟจะไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายแก่ผู้ขาย :
ก. หากบีลีฟไม่ดำเนินการจัดการคำสั่งซื้อหรือธุรกรรมที่อาจเกินกว่าขีดจำกัดที่บีลีฟกำหนด หรือ
ข. หากบีลีฟอนุญาตให้ลูกค้าถอนเงินจากธุรกรรมเนื่องจากแพลตฟอร์มหรือสินค้าไม่สามารถใช้การได้ในช่วงเวลาที่มีการเริ่มต้นทำธุรกรรม ค. ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบภาษี ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และค่าเรียกเก็บอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับการชำระเงินดังกล่าว ผู้ขายสัญญาต่อบีลีฟว่าจะจ่ายภาษี ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และค่าเรียกเก็บอื่นๆ ดังกล่าวทั้งหมดอย่างตรงต่อเวลา ในขอบเขตที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ บีลีฟจะได้รับสิทธิ์ในการระงับภาษีใดๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ในกรณีที่บีลีฟถูกกำหนดให้รับผิดชอบต่อภาษีใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ผู้ขายจะต้องชดใช้ความรับผิดชอบทางด้านภาษีดังกล่าวแก่บีลีฟไม่ว่าจะมีการประเมินความรับผิดชอบทางด้านภาษีดังกล่าวเมื่อใดก็ตาม

  1. ค่าธรรมเนียมการผิดนัด
    16.1 หากผู้ขายยกเลิกหรือปฏิเสธการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ หรือไม่ปฏิบัติตามบทที่ (10.6) หรือบทบัญญัติอื่นใดของข้อกำหนดฉบับนี้ ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งซื้อ (ไม่ว่าจะโดยผู้ขายหรือโดยบีลีฟ) และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ระบุไว้ในเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการที่บีลีฟมอบให้และจะมอบให้แก่ผู้ขาย ตามคำสั่งซื้อ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ค่าธรรมเนียมการผิดนัด”) 16.2 บีลีฟจะออกใบกำกับค่าธรรมเนียมการผิดนัด ภาษีมูลค่าเพิ่มสุทธิ และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ทั้งหมดที่บังคับใช้ตามกฎหมายให้แก่ผู้ขาย หากมี ใบกำกับราคาดังกล่าวจะถูกส่งไปให้แก่ผู้ขายและจะมีข้อมูลดังต่อไปนี้: หมายเลขและวันที่ของคำสั่งซื้อ สินค้า และค่าธรรมเนียมการดำเนินการโดยละเอียด
    16.3 การชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมการผิดนัด จะต้องกระทำโดยการหักเงินจากยอดที่บีลีฟได้รับจากลูกค้าในการทำธุรกรรม เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
  2. องค์กรและความเป็นอิสระของผู้ขาย
    17.1 บีลีฟจะไม่ถือว่าเป็นคู่สัญญาของธุรกรรมใด ๆ ระหว่างลูกค้าและผู้ขายและด้วยเหตุนี้ ผู้ขายจึงกำหนดให้บีลีฟ (และบริษัทในเครือ ตัวแทน และพนักงานของบริษัท) เป็นอิสระจากการร้องเรียน ข้อเรียกร้อง หรือความเสียหาย (ทั้งที่เกิดขึ้นจริงและที่เป็นผลสืบเนื่อง) ในลักษณะและประเภทใด ๆ ทั้งแบบที่เป็นที่รับทราบและไม่เป็นที่รับทราบ ต้องสงสัยหรือไม่ต้องสงสัย เปิดเผยหรือเป็นความลับ อันเกิดขึ้นจากหรือในลักษณะใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว

17.2 ผู้ขายและบีลีฟเป็นผู้ทำสัญญาอิสระ และไม่มีสิ่งใดในข้อตกลงของผู้ขายที่จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในลักษณะห้างหุ้นส่วน กิจการร่วมค้า บริษัทตัวแทน แฟรนไชส์ หรือตัวแทนจำหน่ายระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย คู่สัญญาได้รับทราบร่วมกันว่าข้อตกลงของผู้ขายจะไม่ก่อให้เกิดการจัดตั้งความสัมพันธ์โดยตรงในการว่าจ้างระหว่างบีลีฟและบุคคลที่กระทำการดำเนินการให้แก่ผู้ขาย ผู้ขายจะไม่มีอำนาจใดๆ ในการทำหรือยอมรับข้อเสนอหรือการดำเนินการแทนใด ๆ ในนามของบีลีฟ

17.3 ผู้ขายจะไม่ทำสัญญารับช่วงสิทธิ์หรือข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากบีลีฟ

17.4 ผู้ขายจะปลดเปลื้องบีลีฟจากพันธะ และยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ปกป้อง และรับชดใช้แก่บีลีฟ(และเจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร พนักงาน และตัวแทนต่างๆ) ต่อการร้องเรียน การสูญหาย ความเสียหาย การชำระหนี้ ต้นทุน ค่าใช้จ่ายค่าปรับในทางแพ่ง การลงโทษ หรือความรับผิดชอบตามกฎหมายอื่นๆ (รวมถึงค่าธรรมเนียมทนายความ โดยไม่มีขีดจำกัด) (แต่ละรายการเรียกว่า “การร้องเรียน”) อันเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับ :
ก. การที่ผู้ขาย และ/หรือพนักงาน หรือผู้ทำสัญญาทำการฝ่าฝืนหรือไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกมัดใดๆ ในข้อตกลงของผู้ขายหรือข้อตกลงของลูกค้า ซึ่งเกิดขึ้นจริงหรือเป็นการกล่าวหา
ข. ช่องทางการขายสินค้าใดๆ ที่เป็นของหรือดำเนินการโดยผู้ขาย (รวมถึงข้อเสนอ การขาย การบรรลุผล การคืนเงิน การคืนสินค้า หรือการปรับปรุงรายการใดๆ ที่เกี่ยวข้อง) เนื้อหาของผู้ขาย การละเมิดสิทธิ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่กล่าวหาใดๆ ด้วยการกระทำที่ได้กล่าวมา และการบำเจ็บของบุคคล การเสียชีวิต หรือความเสียหายทางทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องใดๆ ในที่นี้

ค. ภาษีของผู้ขาย หรือ

ง. ผู้ให้บริการ ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายราย ดำเนินการทางกฎหมายกับบีลีฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงของผู้ขาย
17.5 ไม่มีสิ่งใดที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ที่จะบังคับให้บีลีฟหรือผู้ขายมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำหรือการละเว้นที่จะกระทำใด ๆ ซึ่งอาจต้องห้ามหรือมีโทษภายใต้กฎหมายหรือข้อบังคับของประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติอื่นในข้อตกลงฉบับนี้ที่ขัดแย้งกัน 17.6 หากเมื่อใดก็ตาม บีลีฟได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลว่าการร้องเรียนใด ๆ ที่ได้รับการชดใช้แล้วอาจส่งผลกระทบในทางตรงกันข้ามต่อบีลีฟ บีลีฟอาจเข้าทำการแก้ต่างโดยผู้ขายต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ผู้ขายไม่สามารถทำการอนุญาตให้มีการเข้าสู่กระบวนการตัดสินคดี หรือการจัดการข้อร้องเรียนใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้าอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบีลีฟ ซึ่งความยินยอมดังกล่าวไม่สามารถระงับได้อย่างไม่สมเหตุสมผล 17.7 ข้อกำหนดฉบับนี้จะไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์เฉพาะตัวใด ๆ ระหว่างบีลีฟและผู้ขาย ไม่มีสิ่งใดที่แสดงหรืออนุมานได้จากในข้อกำหนดฉบับนี้ที่มีความมุ่งหมายหรือตีความได้ว่าเป็นการมอบสิทธิ์ทางกฎหมาย การเยียวยา หรือการร้องเรียนใด ๆ ภายใต้หรือเกี่ยวข้องกับข้อกำหนดฉบับนี้ แก่บุคคลอื่นใดนอกเหนือจากคู่สัญญาในที่นี้ ข้อกำหนดฉบับนี้และการดำเนินการแทน การรับประกัน ข้อตกลงร่วมกัน เงื่อนไข และบทบัญญัติต่าง ๆ ในที่นี้มีเจตนาที่จะใช้เป็นและเพื่อผลประโยชน์พิเศษของบีลีฟและผู้ขายโดยเฉพาะเท่านั้น 17.8 ระหว่างผู้ขายและบีลีฟ ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อข้อผูกมัดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการบุคคลที่สาม หรือฟีเจอร์ที่ผู้ขายอนุญาตให้บีลีฟใช้งานในนามของผู้ขาย ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้งานที่เกี่ยวข้องใด ๆ บีลีฟขอสงวนสิทธิ์ในการแต่งตั้งตัวแทนหรือทำสัญญารับช่วงการปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ของบีลีฟที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของบีลีฟภายใต้ข้อตกลงของผู้ขายและขอสงวนสิทธิ์ในการใช้งานผู้ให้บริการ ผู้ทำสัญญารับช่วงและ/หรือตัวแทนใดๆ ตามข้อกำหนดดังกล่าวที่บีลีฟเห็นว่าเหมาะสม

  1. การยุติและการเพิกถอน
    18.1 บีลีฟมีสิทธิในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่ฝ่ายเดียวโดยทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ : ก. การที่ผู้ขายฝ่าฝืนข้อผูกมัดหรือการรับประกันใดๆ ภายใต้ข้อตกลงของผู้ขาย และการที่ไม่สามารถทำการแก้ไขได้ภายใน (7) วันนับจากที่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบีลีฟถึงการฝ่าฝืนดังกล่าว
    ข. การที่ผู้ขายมีมติในการเลิกกิจการ หรือศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีสั่งให้ผู้ขายยกเลิกหรือเลิกหรือสลายกิจการ
    ค. การกำหนดระเบียบการบริหารที่เกี่ยวข้องกับผู้ขาย หรือการแต่งตั้งผู้รับ หรือการขัดขวางการครอบครองหรือการขายทรัพย์สินใดๆ ของผู้ขาย ง. การที่ผู้ขายเตรียมการหรือทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ของตนโดยทั่วไป หรือทำการขอศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีให้มอบความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ของตน จ. การที่ผู้ขายยุติหรือขู่ที่จะยุติการทำธุรกิจ
    ฉ. บีลีฟจะมีสิทธิในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีสาเหตุ ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว ภายใน (14) วันนับจำกวันที่บีลีฟแจ้งเตือนถึงการยุติดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว
    18.2 ผู้ขายมีสิทธิในการยุติข้อตกลงของผู้ขายแต่เพียงฝ่ายเดียว ภายใน (14) วันนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ : ก. การที่บีลีฟเลื่อนเวลาการชำระเงินให้นานกว่า 30 (สามสิบ) วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อกำหนดฉบับนี้ ข. การที่บีลีฟเลื่อนเวลาการคืนสินค้าให้นานกว่า 60 (หกสิบ) วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามข้อกำหนดฉบับนี้ ค. การกำหนดระเบียบการบริหารที่เกี่ยวข้องกับบีลีฟหรือการแต่งตั้งผู้รับทรัพย์สินของบีลีฟ
    ง. การที่บีลีฟเตรียมการหรือทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ของตนโดยทั่วไปหรือทำการขอศาลผู้มีอำนาจตัดสินคดีให้มอบความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ของตน จ. การที่บีลีฟยุติหรือขู่ที่จะยุติการทำธุรกิจ
    ฉ. ผู้ขายจะมีสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขายและข้อกำหนดฉบับนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีสาเหตุ ตามดุลยพินิจของผู้ขายแต่เพียงผู้เดียว ภายใน (14) วันนับจากวันที่ผู้ขายแจ้งเตือนถึงการยุติดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวทำแล้ว
    18.3 ก่อนยุติข้อตกลงของผู้ขาย ผู้ขายจะต้องแจ้งให้บีลีฟรับทราบถึงข้อตกลงที่สิ้นสุดทั้งหมดซึ่งได้กระทำร่วมกับลูกค้าซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการ เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ผู้ขายจะยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ตามรูปแบบการดำเนินการเฉพาะที่ได้ตกลงกับบีลีฟ หากผู้ขายไม่สามารถกระทำการดังกล่าวได้ บีลีฟสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อและอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกิจกรรมที่ใช้กับคำสั่งซื้อดังกล่าว รวมถึงค่าปรับแก่ผู้ขายตามบทที่ (16.1) ซึ่งจะหักออกจากการชำระเงินที่บีลีฟจะชำระให้แก่ผู้ขาย
  2. สิทธิในเชิงอุตสาหกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
    19.1 ผู้ขายเป็นตัวแทนและรับรองต่อบีลีฟว่าผู้ขายเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิตามกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเนื้อหา และไม่ตระหนักถึงการร้องเรียนใดๆ ที่บุคคลที่สามทำขึ้นอันเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ ที่เป็นที่กล่าวหาหรือที่เป็นอยู่ในขณะนี้ หรือการร้องเรียน คำสั่ง หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เกิดจากเนื้อหา การโฆษณา การตีพิมพ์ การส่งเสริมการขาย การผลิต การขาย การกระจายสินค้าหรือการใช้สินค้าและจะไม่ละเมิดสิทธิข้างต้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมด้วยการดำเนินการแทนนี้
    19.2 ผู้ขายตกลงที่จะปล่อยเป็นอิสระ แก้ต่าง ปกป้อง ชดใช้ค่าเสียหาย และยกเว้นความรับผิดให้แก่บีลีฟและบริษัทในเครือ (รวมถึงค่าธรรมเนียมทนายความและค่าใช้จ่ายในศาลในการชดใช้ค่าเสียหาย) ค่าใช้จ่าย ค่าปรับ การลงโทษ การสูญหาย ความเสียหาย และความรับผิดชอบตามกฎหมายใดๆ และทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า เครื่องหมายการค้า ชื่อทางการค้า หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่เป็นที่กล่าวหาหรือที่เป็นอยู่ในขณะนี้ หรือการร้องเรียน คำสั่ง หรือการกระทำอื่นๆ ที่เกิดจากเนื้อหา การโฆษณา การตีพิมพ์ การส่งเสริมการขาย การผลิต การขาย การกระจายสินค้า หรือการใช้สินค้า
    19.3 ผู้ขายไม่มีสิทธิ์ในการใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาใด ๆ ที่เป็นของบีลีฟโดยไม่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจากบีลีฟอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
  3. การรักษาความลับ
    20.1 สำหรับวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดฉบับนี้ “ข้อมูลความลับ” หมายถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลใดๆ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบีลีฟ บริษัทในเครือ บริษัทย่อย หรือบริษัทที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน และไม่เป็นที่รู้จักแก่สาธารณะโดยทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้ ไม่ว่าเมื่อใดและไม่ว่าจะเปิดเผยในลักษณะใด ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง :
    ก. กลยุทธ์การตลาด แผนการ ข้อมูลทางการเงิน หรือการวางโครงการ การทำงาน การประเมินการขาย และแผนการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมธุรกิจในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคู่สัญญาดังกล่าวใดๆ
    ข. ผลการปฏิบัติงานในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงคำสั่งซื้อและปริมาณใดๆ
    ค. แผนการและกลยุทธ์เพื่อการขยายขนาดใดๆ
    ง. ผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรม และรายชื่อลูกค้าหรือผู้จัดหาสินค้าใดๆ
    จ. ข้อมูล การคิดค้น การออกแบบ ขั้นตอน กระบวนการ สูตร การพัฒนา เทคโนโลยี หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือทางเทคนิคใดๆ ฉ. แนวคิด รายงาน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ความรู้และทักษะ งานที่กำลังดำเนินอยู่ การออกแบบ เครื่องมือการพัฒนา ข้อมูลจำเพาะ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ รหัสต้นฉบับ รหัสจุดหมาย การคิดค้นต่าง ๆ ข้อมูลและความลับทางการค้าใด ๆ และ ช. ข้อมูลอื่นใดที่ควรถือว่าเป็นข้อมูลความลับของฝ่ายที่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ข้อมูลความลับไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นเอกลักษณ์ ต้องสามารถจดทะเบียนหรือลิขสิทธิ์ได้ หรือประกอบด้วยความลับทางการค้าถึงจะสามารถได้ถูกระบุว่าเป็นข้อมูลความลับได้
    20.2 ผู้ขายจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลความลับ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากบีลีฟอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ขายสามารถใช้ข้อมูลความลับเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อตกลงของผู้ขาย และไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ผู้ขาย สามารถเปิดเผยข้อมูลความลับเพื่อสาเหตุใด ๆ ดังต่อไปนี้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว : ก. เพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติที่จำเป็นของกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือกฎของขอบเขตอำนาจศาลที่ระบุ
    ข. ข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยอย่างเหมาะสมแก่ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ผู้สอบบัญชี หรือนายธนาคารของผู้ขาย ต่อเมื่อผู้รับยินยอมที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลแต่แรก
    ค. ข้อมูลอยู่ในโดเมนสาธารณะ ยกเว้นจะเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดในวรรคนี้
    ง. เพื่อวัตถุประสงค์ในการชี้ขาดหรือการดำเนินการทำงกฎหมายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงของผู้ขาย และ
    จ. ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐใดๆ ตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่
    20.3 สิทธิและข้อผูกมัดของผู้ขายภายใต้บทที่ (20) นี้จะยังคงอยู่แม้จะมีการยุติข้อตกลงของผู้ขายก็ตาม
    20.4 การส่งคืนข้อมูลความลับ :
    ก. ผู้ขายจะต้องคืนและจัดส่งวัสดุที่จับต้องได้ทั้งหมดซึ่งมีข้อมูลความลับที่มอบให้ด้านล่างนี้ และบันทึกการประชุม ข้อความ สรุป บันทึกความจำ ภาพวาด คู่มือ บันทึก ข้อความคัดลอก หรือข้อมูลที่แยกออกมาซึ่งเกิดขึ้น และเอกสารและวัสดุอื่น ๆ ทั้งหมดกลับให้แก่บีลีฟ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บันทึก”) (และสำเนาทั้งหมดของสิ่งอื่นใดที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงสำเนาที่ถูกแปลงเป็นสื่อคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของภาพ ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือไฟล์ประมวลผลข้อความ ทั้งด้วยมือ หรือด้วยการจับภาพ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า“สำเนา”) โดยมีพื้นฐานจากหรือรวมถึงข้อมูลความลับใด ๆ ในรูปแบบการเก็บรักษาหรือการได้มาซึ่งข้อมูลใด ๆ ก็ตาม ในตอนต้นของ :
    (1) การยุติข้อตกลงของผู้ขาย
    (2) ในเวลาที่บีลีฟร้องขอการส่งคืนเอกสารดังกล่าวจะต้องกระทำภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่อ้างถึงข้างต้น
    ข. อย่างไรก็ตาม ผู้ขายสามารถเก็บเอกสารดังกล่าวของบีลีฟไว้ได้ตามที่จำเป็นในการทำให้ผู้ขายสามารถปฏิบัติตามนโยบายการเก็บรักษาเอกสารได้ หรือผู้ขายสามารถทำลายข้อมูลความลับที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่กล่าวไว้ก่อนหน้าใดๆ (หรือในกรณีของบันทึก แล้วแต่ผู้ขายจะเลือก) โดยได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากบีลีฟ (หรือการลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถกู้คืนได้) และยืนยันการทำลายดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยเจ้าหน้าที่ของผู้ขายที่ควบคุมการทำลาย
    20.5 ไม่มีการรับประกันจากคู่สัญญาฝ่ายใดภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ ผู้ขายเข้าใจว่าไม่มีการดำเนินการแทนหรือการรับประกันใดๆ ต่อความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลความลับที่บีลีฟทำขึ้น
  4. เหตุสุดวิสัย
    21.1 บีลีฟจะไม่รับผิดชอบตามกฎหมายใดๆ ต่อผู้ขายหรือถือว่าละเมิดข้อตกลงของผู้ขายด้วยสาเหตุจากความล่าช้าหรือความล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อผูกมัดใดๆ ของบีลีฟ หากการล่าช้าหรือความล้มเหลวดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หรือสาเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอันสมเหตุสมผลของบีลีฟ (แต่ละเหตุการณ์ของ “เหตุสุดวิสัย”) โดยไม่มีความลำเอียงต่อกฎเกณฑ์ทั่วไปที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ข้อต่อไปนี้จะถือว่าเป็นเหตุการณ์เหตุสุดวิสัย:
    ก. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ การระเบิด น้ำท่วม พายุ อัคคีภัย หรืออุบัติเหตุ
    ข. สงคราม หรือคำขู่ในการก่อสงคราม การก่อวินาศกรรม การจลาจล การก่อความไม่สงบ หรือการเรียกร้องของประชาชน การก่อการรร้าย หรือสถานการณ์ที่ไม่สงบ
    ค. การกระทำ ข้อจำกัด กฎเกณฑ์ กฎระเบียบของบริษัท ข้อห้าม หรือมาตรการใดๆ ในส่วนของอำนาจรัฐ อำนาจรัฐสภา หรืออำนาจในท้องถิ่น
    ง. กฎเกณฑ์การนำเข้าหรือการส่งออก หรือการสั่งห้ามเข้าออกท่าเรือ
    จ. การหยุดชะงักของการจราจร การหยุดงานประท้วง การปิดล็อกประตู หรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุตสาหกรรม หรือความขัดแย้งทางการค้าอื่นๆ (ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับพนักงานของบีลีฟหรือของบุคคลที่สามก็ตาม)
    ฉ. การแพร่ระบาดซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องสุขภาพที่ประกาศโดยองค์การอนามัยโลก
    ช. การหยุดชะงักของการผลิตหรือการทำงาน ความยากลำบากในการได้มาซึ่งวัตถุดิบ แรงงาน เชื้อเพลิง อะไหล่หรือเครื่องจักร และ
    ซ. การไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้หรือการหยุดทำงานของเครื่องจักร
    21.2 เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่ระบุในบทที่ (21.1) บีลีฟสามารถหยุดการส่งสินค้าหรือการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนบางส่วนหรือทั้งหมดแล้วแต่จะเลือก ขณะที่เหตุการณ์หรือสถานการณ์ดังกล่าวยังดำเนินต่อไป หากเหตุการณ์ใดๆ ในบทที่ (21.1) ดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลาที่เกินกว่า (1) เดือน บีลีฟจะยุติข้อตกลงของผู้ขายโดยทันทีตามที่ได้แจ้งเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ขาย
  5. อื่นๆ
    22.1 การปฏิบัติตามกฎหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้หรือสัญญาลูกค้าใดๆ ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย สนธิสัญญา พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับทั้งหมดอย่างเคร่งครัด และโดยเฉพาะในด้านการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล การนำเข้าและส่งออก และกฎหมาย พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายและกฎเกณฑ์ด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมของเขตอำนาจศาลใดๆ (ไม่ว่าจะระหว่างประเทศ ในประเทศ ภูมิภาค รัฐ จังหวัด เมือง หรือท้องถิ่นก็ตาม) ที่อาจมีการปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายจะมอบเอกสารรับรองการปฏิบัติตามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่กฎหมาย พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และกฎเกณฑ์ของสหพันธรัฐ รัฐ หรือท้องถิ่นกำหนด ตามคำร้องขออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรของบีลีฟ เพื่อมิให้เกิดความสงสัย ผู้ขายจะใช้งานและ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบีลีฟเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้หรือสัญญาของลูกค้าเท่านั้น โดยต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและอยู่ในลักษณะที่ยืนยันว่าบีลีฟจะยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ได้
    22.2 การทำให้เป็นโมฆะหรือการไม่มีผลบังคับใช้ของบทบัญญัติใด ๆ ในข้อกำหนดฉบับนี้ที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรือในอนาคต จะไม่ส่งผลต่อความมีเหตุผลหรือความมีผลบังคับใช้ของเอกสารทั้งหมด
    22.3 ความล้มเหลวของคู่สัญญาในการใช้สิทธิของตนในกรณีที่เกิดการละเมิดสัญญาโดยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง จะไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ของตนภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้หรือภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับได้
    22.4ผู้ขายจะไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายต่อการไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนภายใต้ข้อตกลงของผู้ขายทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งเกิดความล่าช้าหากการล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ในกรณีที่เหตุสุดวิสัยขัดขวางผู้ขายจากการปฏิบัติตามข้อผูกมัดของตนเป็นเวลานานกว่า (5) วันติดต่อกัน บีลีฟจะได้รับสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงของผู้ขาย
    22.5 คำเอกพจน์ของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้ในข้อกำหนดฉบับนี้จะรวมถึงคำพหูพจน์รวมถึงในทางกลับกันด้วย เว้นแต่บริบทจะกำหนดเป็นอื่น 22.6 การอ้างอิงกฎหรือบทบัญญัติของชาติ จังหวัด ท้องถิ่น หรือต่างชาติใดๆ มีเจตนาในการรวมถึงบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่ออกตามบทบัญญัติดังกล่าว เว้นแต่บริบทจะกำหนดเป็นอื่น
    22.7 ข้อกำหนดฉบับนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ เว้นแต่แก้ไขด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีการลงนามโดยตัวแทนของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม
    22.8 ข้อกำหนดและเงื่อนไขของบทที่ (17.5), (17.6), (18.3), (19) และ (20) จะไม่ได้รับผลกระทบจากการยุติข้อกำหนดของผู้ขายด้วยสาเหตุใดๆ
  6. กฎหมายที่ใช้บังคับและศาลที่มีอำนาจตัดสิน
    23.1 ข้อกำหนดฉบับนี้อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย
    23.2 ความขัดแย้ง การโต้เถียง หรือการกล่าวอ้างใดๆ ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับนี้ หรือการละเมิด การยุติ หรือความเป็นโมฆะของสิ่งที่กล่าวถึงนั้น จะให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ทำการตัดสินแต่เพียงผู้เดียว ตามกฎสำหรับอนุญาโตตุลาการของอนุญาโตตุลาการแห่งหอการค้าไทย (“ATCC”) คณะอนุญาโตตุลาการจะประกอบด้วยอนุญาโตตุลาการผู้เดียวที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธาน ATCC โดยการตัดสินดังกล่าวจะกระทำในกรุงเทพมหานคร การตัดสินใดๆ จากคณะอนุญาตโตตุลาการถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันต่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
    ภาคผนวก ข. สำหรับสัญญากำหนดกรอบความตกลง ข้อกำหนดและเงื่อนไขพิเศษ
    กำหนดการ ก.
    ค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees)
    บีลีฟจะทำการตกลงค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees)กับผู้ขายเป็นลายลักษณ์อักษรและขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขและปรับปรุงข้อกำหนดต่างๆ ที่บังคับใช้กับค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees)ตามดุลยพินิจของบีลีฟแต่เพียงผู้เดียว บีลีฟจะชี้แจงให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees)ที่กล่าวถึงข้างต้นโดยแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นเวลา (1) เดือน
    ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน
    ค่าธรรมเนียมการชำระเงินคงที่ (ไม่มี) + ภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาที่ลงรายการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าแต่ละรายการที่ผู้ขายขายได้
    การบริการเพิ่มเติม
    การบริการเพิ่มเติมเหล่านี้จะต้องได้รับการเห็นพ้องในข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่ระบุเงื่อนไขไว้ดังนี้
  7. Shop in Shop (“SIS”)
  8. Search Engine Marketing (“SEM”)
  9. Social Media Activities (“SMA”)
    กำหนดการ ข.
    ค่าธรรมเนียมการส่งสินค้า / โลจิสติกส์
    ในกรณีที่ผู้ขายใช้ประโยชน์จากบุคคลที่สาม ซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับมอบหมายโดยบีลีฟ บีลีฟจะใช้ดุลยพินิจเพียงฝ่ายเดียวในการพิจารณาวิธีการขนส่งโดยคำนึงถึง เวลา และราคาการขนส่งที่ดี ที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ผู้ขายแต่ละท่าน และให้ค่าธรรมเนียมการขนส่ง / โลจิสติกส์ ที่เกิดขึ้นจากบุคลที่สามซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับมอบหมาย
    การรับสินค้า (Pick Up) และการดร๊อปสินค้า (Drop Off)
    การรับสินค้า Pick Up
    ผู้ขายที่ประสงค์จะขอรับบริการรับสินค้า หรือหากผู้ขายได้เข้าร่วมรับบริการการรับสินค้าแล้วแต่ประสงค์จะเปลี่ยนวิธีการขนส่งเป็นวิธีการอื่น ต้องแสดงเจตนารมณ์ของตนเป็นหนังสือแจ้งแก่บีลีฟ บุคคลที่สามแต่ละรายซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะเรียกเก็บค่ารับสินค้าตามที่กำหนดไว้ บีลีฟสงวนสิทธิ์ในการเสนอบริการรับสินค้านี้ และ/หรือ อนุญาตให้เปลี่ยนแปลง และ/หรือ สลับสับเปลี่ยนระหว่างการรับบริการรับสินค้ากับการขนส่งด้วยวิธีการอื่นแก่ผู้ขายบางรายที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
    หากในกรณีที่ผู้ขายมีสถานที่ประกอบกิจการห่างไกล จนบุคคลที่สามซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไม่สามารถให้บริการได้ ค่าใช้จ่ายนี้จะไม่บังคับ
    การดร๊อปสินค้า (Drop Off)
    บีลีฟจะประกาศจุดดร๊อปสินค้าให้ผู้ขายทราบเป็นครั้งคราว และผู้ขายที่ประสงค์จะจัดการขนส่งสินค้าของตนโดยวิธีการดร๊อปสินค้า ต้องแสดงเจตนารมย์ของตนเป็นหนังสือแก่บีลีฟ บีลีฟสงวนสิทธิ์ในการเสนอบริการดร๊อปสินค้าแก่ผู้ขายบางรายที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
    การประกันภัยและความรับผิดชอบตามกฎหมาย
    การขนส่งโลจิสติกส์โดยบุคคลที่สามจะคุ้มครองการส่งสินค้าทั้งหมดจากการสูญหาย หรือความเสียหายเป็นมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ในกรณีที่ผู้ขายยื่นเอกสารเรียกร้องขอเงินคืน ผู้ขายจะต้องมอบใบกำกับภาษีหรือใบแจ้งราคาเงินสดให้แก่บีลีฟ และ/หรือบุคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ภายใน (5) วันทำการ หลังจากที่บีลีฟส่งเอกสารแจ้งเตือนการเรียกร้อง ผู้ขายสามารถรับประกันหีบห่อสินค้าแต่ละชิ้นจากการสูญหายหรือความเสียหายด้วยค่าใช้จ่ายที่เท่ากับ 0.5% ของมูลค่าการส่งสินค้าที่แจ้ง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมผู้ขายจะต้องติดต่อตัวแทนของบีลีฟ
    ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับกำหนดการ ข :
  10. ในกรณีที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ ผู้ขายมีสิทธิ์ที่จะทำการเรียกร้องอย่างเป็นทางการและร่วมกับหลักฐานที่ร้องขอและ/หรือกำหนดต่อบีลีฟภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่ในใบแจ้งราคาสินค้า เมื่อบีลีฟยอมรับหลักฐานทั้งหมดที่ร้องขอและ/หรือกำหนดแล้ว บีลีฟจะทำการแก้ปัญหาตามแต่กรณี ซึ่งจะถือเป็นที่สิ้นสุดภายใน (5) วันทำการนับจากวันที่ได้รับหลักฐาน หากไม่สามารถยื่นหลักฐานภายใน 5 วันทำการนับจากวันที่ในใบแจ้งราคาสินค้าได้ จะถือว่าข้อพิพาทนั้นได้รับการตัดสินแล้ว หลักฐานที่จะยื่นให้แก่บีลีฟโดยพื้นฐานแล้วดังนี้ เว้นแต่บีลีฟจะกำหนดเป็นอื่น
    ก. หลักฐานการจัดส่งสินค้า
    ข. หลักฐานการรับสินค้า
    ค. รูปภาพ (หากเกิดความเสียหายขึ้นระหว่างการขนส่งโดยบุคลที่สามผู้ให้บริการโลจิสติกส์)
    ง. หลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องและ/หรือตามที่บีลีฟกำหนด
  11. ผู้ขายในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือสถานที่ห่างไกล จะต้องใช้อัตราของต่างจังหวัดหรือสถานที่ห่างไกลเท่านั้น
  12. บีลีฟสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ค่าธรรมเนียมการขนส่งสินค้า / โลจิสติกส์ ภายใต้กำหนดการ (ข.) นี้ ด้วยดุลยพินิจของบีลีฟเพียงฝ่ายเดียวโดยมีผลทันทีหลังจากทำการแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นเวลา 7 วัน
  13. ผู้ขายตระหนักและรับทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า อัตราต่างๆ ที่ปรากฏในกำหนดการ (ข.) นั้นเพื่อประโยชน์แห่งการอ้างอิงเท่านั้น อัตราจริงที่เรียกเก็บอาจแตกต่างไปตามกำหนดโดยใบเรียกเก็บและใบแจ้งหนี้ที่ออกโดยบุคคลที่สามซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับมอบหมาย
  14. การชำระเงินคืนและ/หรือเงินสมทบต่างๆ ที่ต้องชำระให้แก่ผู้ขายนั้น บีลีฟจะคืนเป็นรอบรายเดือน
    ภาคผนวก (ค.)
    ข้อตกลงประกอบเพิ่มเติม
    1. ชั่วโมงเปิดปิดทำการของบีลีฟ คือ วันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 09.00-18.00 น. (หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
    2. ค่าอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน(Convenience Fees) ตามตกลง ก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    3. ค่าธรรมเนียมขนส่ง/โลจิสติกส์ ทางผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
    4. เครดิตเทอม 10 วัน โดยการโอนชำระ
    5. รอบการโอนเงินค่าสินค้า 3 วันหลังจากวันตัดยอด พร้อมเอกสารใบกำกับภาษีของผู้ขาย (สามารถส่งทางอีเมล)
    6. ชื่อผู้ติดต่อทางบีลีฟ ฝ่ายบัญชี คุณกชพรรณ สัตยะธนโชค โทร 09 0974 1245 (หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

 

บีลีฟซอร์สซิ่ง ตลาดกลางค้าวัสดุก่อสร้าง บ้าน อาคาร
Logo